Me : MediH

Play your unstable Life game

25531128

เมดิชวิจารณ์ สามสาวทรามทราม

28/11/2010

     วันอาทิตย์สุดท้ายของเดือน...กับอากาศที่แสนสดใส แดดเปรี้ยงๆสมกับเป็นฤดูหนาว...ทว่าอากาศดันไม่หนาวอย่างเคย เมดิชได้มีโอกาส(กึ่งบังคับ)ไปชม "สามสาวทรามทราม" ละครเวทีผลงานของ Polkadot Production และดรีมบอกซ์ที่ Bluebox Studio ชั้น2 M Theatre ถนนเพชรบุรีตัดใหม่


รูปโฆษณาละครเวที "สามสาวทรามทราม "


เหตุที่ได้ไปดูก็เพราะอาจารย์วิชาศิลปวิจักษ์ที่เราลงเรียนอยู่นั่นแหละ หนึ่งเนื้อหาในศาสตร์แห่งศิลป์นั้นก็คือการแสดง จึงต้องไปสัมผัสรสชาติของการแสดงของจริงกันซะหน่อย

 นัดกับโบ[เลดี้ของเรา...คือ...เพื่อนที่ลงเรียนด้วยกัน] 11.00 น. และออกเดินทางด้วยรถโดยสารไปลงสวนจตุจักร(เพราะมัวแต่โม้จนเลยป้ายเซนทรัล ลาดฯ) และเดินทางต่อด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินลงสถานีเพชรบุรี มุ่งสู่ทางออกที่ 3 อย่างรวดเร็ว...ก้มดูนาฬิกายังไม่เที่ยงก็เลยเย็นใจ เดินไปป้ายรถเมล์ที่ใกล้ที่สุด ด้วยความที่ไม่เคยมาแถวนี้ หลงทิศและข้อมูลการเดินทางที่มีน้อยนิดจึงกระโดดขึ้น 206 [ฟรี] โดยง่ายดายเพราะจำได้ว่ามันถึงแน่นอน... ทว่า นั่งได้ซักพักชักจะยังไง ๆ เพราะเหมือนกับมันพาวิ่งกลับม.เกษตร ฯ !! สองชีวิตเลยกระโดดลงจากรถเมลล์ฟรีทันทีที่หน้าสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินศูนย์วัฒนธรรมฯ

ระลึกชาติและคลำทางกันอยุ่ 2 นาทีจึงทำการประมวลข้อมูลใหม่พบว่า อืม...นั่งผิดฝั่ง ว่าแล้วก็ข้ามฝั่งไปขึ้นรถเมล์ฝั่งตรงข้ามอย่างเร็ว [แวะ 7-11 ซื้อของกิน...เกร็งมากเพราะทั้งเซเว่นมีแต่กระเทยตัวใหญ่ๆเสียงใหญ่ๆหัวเราะแบบโจรใต้ เต็มเลย...มันสาขาอะไรวะเนี่ย] ขึ้น ปอ.206 มาถึงเป้าหมายเวลาเกือบบ่ายโมง เป็นการผจญภัยของคู่หูคู่เอ๋อที่สนุก ฮาและร้อนแดดจริงๆ รวมกลุ่มกับเพื่อนๆน้องๆและอาจารย์เสร็จก็เข้าชมละครอย่างว่าง่าย โดยที่ก่อนเข้าไปพี่ ๆที่เก็บตั๋วจะแจก "ไข่" ให้คนละ 3 ใบ (ไม่ใช่ไข่จริงๆหรอกแต่เป็นไข่ของเล่นสมัยก่อนที่หยอดเหรียญแล้วหมุน ๆ ๆ ๆจนไข่ตกลงมาแล้วก็แกะดูว่าได้อะไร) ซึ่งเอาไว้ลงคะแนนโหวตในตอนท้ายเรื่อง

ใบปลิวของละครเวทีเรื่องนี้




ตั๋วเข้าชมละครเวทีของผมกับโบครับ



"สามสาวทรามทราม" บอกเล่าเรื่องราวความคิดของมนุษย์ในสังคมผ่านตัวละครทั้ง 3 ได้แก่
"เปิ้ล" หญิงสาวที่ฉลาดเลิศไหวพริบดีมีความสามารถและได้ดิบได้ดีจากการหลอกลวงเพื่อนมนุษย์
"นวล"หญิงสาวที่รักและชื่นชอบการเดิมพันทุกชนิดในชีวิต และ
"แอน"หญิงสาวผู้โง่เขลาเบาปัญญาช่างเพ้อฝันและติดละครน้ำเน่างอมแงม ที่จะมาบอกเล่าเรื่องราว"ทรามทราม"ในชีวิตของพวกเธอโดยมี"ประธานสภาสัมภเวสี"ทำหน้าที่คล้ายกับพิธีกรให้แก่"สมาชิกสภาสัมภเวสี"ซึ่งก็คือผู้ชมทุกท่านที่จะต้องพิจจารณาและตัดสินว่า ใครต้องตกนรกและใครจะได้ขึ้นสวรรค์ 

 ระหว่างที่สามค่อยๆเผยเรื่องราวขณะมีชีวิตของพวกเธอให้เราฟัง(และชม)อยู่นั้น ผู้ชมจะค้นพบว่าละครเวทีเรื่องนี้ได้บอกเล่าความจริงที่มีอยู่จริงในสังคม เรื่องราวของแต่ละคนที่นับได้ว่าเป็นบาป ความผิด ความทราม ถูกลดทอนระดับความเลวร้ายด้วยการยกเหตุผลนานาประการที่ร่วมกับถ้อยคำที่ชวนให้คล้อยตามว่าสิ่งที่พวกเธอทำลงไปนั้น "ไม่ผิด"

คล้ายการเสียดสีและสะท้อนสังคมบนโลกเรา เมื่อใครสักคนได้พลั้งพลาดทางความคิดและลงมือทำในสิ่งที่ผิดลงไปแล้ว พวกเขาเหล่านั้นก็มักจะหยิบเหตุอ้างผลของการทำชั่ว ๆของตนเอง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยภายในอย่างความคิด สติปัญญา ความมั่นคงของจิตใจ หรืออ้างด้วยปัจจัยภายนอกเช่นสภาพแวดล้อมที่อยู่ สังคม สื่อ เหตุการณ์ กรรมพันธุ์ จังหวะของสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ที่ก่อกำเนิดการทำบาปรูปแบบต่างๆขึ้นมา และแน่นอนว่าแต่ละคนนั้นจะมีการอธิบายเหตุผลของการกระทำทราม ๆของพวกเขาอย่างสมเหตุสมผลไม่ต่างจากที่เปิ้ล นวลและแอนทำเลย

ในตอนท้ายของเรื่องเมื่อสามสาวเล่าเรื่องราววุ่นๆของพวกเธอขณะมีชีวิตจบลง สภาสัมภเวสีหรือผู้ชมก็จะต้องพิจจารณาและโหวตตัดสินว่าจะให้พวกเธอตกนรกหรือขึ้นสวรรค์ นอกจากจะให้ผู้ชมมีส่วนร่วมแล้วก็เปรียบเสมือนทัศนคติของสังคมโดยรวมบนโลกแห่งความเป็นจริงที่มองดูและตัดสินการกระทำของพวกเธอทั้งสามว่าดีหรือไม่ดี รวมทั้งวิพากษ์ วิจารณ์ในแต่ละการกระทำว่าดีไม่ดีอย่างไร

สภาสัมภเวสี(ของรอบนี้)


   เสน่ห์ของการเล่าเรื่องที่ผมชอบคือการหยิบยกเรื่องราวน่ากลัวต่างๆ อย่างความตาย ความผิดบาปทางศีลธรรม ความงมงาย มาเล่าให้เราฟัง โดยใช้การเรียงถ้อยร้อยคำพูดใหม่ให้เรื่องเหล่านั้นกลายเป็นเรื่องตลกชวนหัวเราะ ผสมกับการเล่าด้วยน้ำเสียงที่สื่อให้ถึงอารมณ์ตัวละคร และผสานกับการแสดงการทำท่าทางประกอบต่าง ๆของนักแสดงทุกคน ทำให้เรื่องราวดำเนินไปอย่างน่าติดตาม สนุกสนานระคนความหดหู่ จนคนดูหัวเราะออกมาแม้ว่าในก้นบึ้งหัวใจลึก ๆจริง ๆจะรู้สึกไม่ดีกับสิ่งที่พวกเธอทั้งสามได้กระทำลงไป 

เมื่อถึงเวลาที่สภาฯ จะต้องพิพากษาโทษ ผู้ชมจะต้องเค้นความคิดเพื่อที่จะตัดสินใจ เกิดความขัดแย้งภายในจิตใจและกลไกทางความคิดระหว่างสิ่งที่ถูกต้อง สิ่งที่ผิดบาป บวกลบกับความรู้สึกสงสาร ความเห็นใจ หักล้างเหตุผลกลั่นกรองกระทั่งได้คำตอบที่เป็นเพียงการหย่อนไข่ลงในกล่องตัวเลือก

Q : คิดอย่างไรกับละคร ?
A : เป็นเรื่องที่บอกเล่าความจริงของสังคมได้อย่างสร้างสรรค์และนำความตลกร้ายมาเล่นได้อย่างน่าสนใจ

Q : นักแสดงเป็นไงบ้าง ?
A : นักแสดงเก่งมาก การเล่าเรื่องนั้นมีการพูดถึงตัวละครประกอบตัวอื่นๆอีกทว่าผู้แสดงกลับมีเพียงไม่กี่คน นักแสดงคนเดียวต้องดึงบุคลิกของตัวละครทั้งตัวหลักและตัวประกอบ แสดงลักษณะบุคลิกนิสัยเฉพาะตัว ผ่านท่าทางและน้ำเสียง นอกจากนี้ยังต้องสื่ออารมณ์ของตัวละครนั้น ๆ ออกมาโดยที่คนดูไม่งง

Q : ชอบตัวละครตัวไหน? เพราะอะไร?
A : ผมชอบตัวละครทั้ง 3 ตัวเลย เพราะแต่ละคนมีความเป็นเอกลักษณ์ในบุคลิกและความคิด มีมุมมองของตัวเองที่แตกต่างจากคนทั่วไป และแน่นอนที่สุดคือพวกเธอมีความสุขในสิ่งที่ตัวเองทำ(แม้ว่าจะไม่รู้ตัวว่าที่ทำอยู่มันผิด)

Q : แล้วคุณตัดสินอย่างไร?
A : ผมโหวตให้ลงนรกทั้ง 3 คน

Q : ทำไมล่ะ ?
A : เพราะความผิดบาปของทั้งสามคือความจริงที่ต้องได้รับอยู่แล้ว หากยอมรับไม่ได้ก็คงไม่ต่างจากพวกเธอที่จะต้องสรรค์หาเหตุผลมาอ้างเพื่อให้ตนพ้นผิด
กรณีของเปิ้ลคือคิดเข้าข้างตัวเองมาเสมอว่าตัวเองทำถูกแล้ว เข้าใจว่าตนความดีช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ เป็นการยกให้ตัวเองเป็นศูนย์กลางและคล้ายการหลอกตัวเอง 
นวลที่รู้ทั้งรู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่ไม่ดี บาปแต่ก็หักห้ามใจไม่ได้แม้ว่าจะลังเลใจอยู่หลายครั้งสุดท้ายเธอก็ปล่อยให้ตัณหาเป็นผู้ชนะ

ส่วนแอนสาวสมองช้าปัญญาทึบที่ถูกคนรอบตัวดูแคลนและถูกครอบงำทางความคิดด้วยละคร ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับสิ่งที่เพ้อฝันจนถูกหลอกเป็นเหยื่อของคนอื่น หลายคนอาจจะเห็นว่า "ความโง่เป็นสิ่งที่ช่วยไม่ได้" แต่ผมกลับมองว่า "ความเขลานั้นถือเป็นต้นกำเนิดแห่งบาป" เพราะความโง่เขลานั้นมีอานุภาพทำให้เราไม่สามารถแยกแยะได้ว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นควรหรือไม่ จะมีใครเดือดร้อนมากน้อยแค่ไหน อย่างในละครเรื่องนี้เหตุที่เธอต้องมีบาปติดตัวเพราะฆ่าผู้อื่นและตนเอง(แม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจก็ตามที)

Q : แล้วคุณคิดว่าตัวเองจะถูกตัดสินอย่างไร กับสิ่งที่ทำเมื่อครั้งยังมีชีวิต ?
A : ลงนรกอยู่แล้วสิ ความดีและความเลวมันไม่ได้หักล้างกันซะหน่อยส่วนใครส่วนมันนะ ยอมรับในสิ่งที่ทำลงไปเพราะยังไงเราทุกคนก็ล้วนมีเหตุผลในทุกการกระทำ จะดีหรือชั่วนั้นมันก็อยู่ที่มุมมองเหมือนๆกับที่สามสาวพยายามเล่าให้คุณฟังในมุมมองที่แตกต่างนั่นแหละ



Q : ประโยคไหนในเรื่องที่ชอบ?
 A : "She so stupid, She a buffalo ...but she can ไถนานะคะ",  "147", "เหรียญล้านช้าง" ...ชอบเยอะเลยแต่นึกไม่ออกอ่ะตอนนี้

Q : สุดท้ายละ ละครเวทีเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า....?
A : คนจะเลวก็มักจะมีเหตุผลในการทำความเลวของตัวเอง จนสุดท้ายก็ไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นคนเลว  


ซักวันเราคงพบกันที่สภาฯ
(by)  Medih C.Rozenkroy

1 ความคิดเห็น:

  1. ระเด่นกรรไกร30 ธันวาคม 2553 เวลา 18:39

    "คนจะเลวก็มักจะมีเหตุผลในการทำความเลวของตัวเอง จนสุดท้ายก็ไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นคนเลว" <-- สุดยอกเลย เห็นด้วยๆ

    ตอบลบ