Me : MediH

Play your unstable Life game

25541222

Starfucker - The White Of Noon


Starfucker - The White Of Noon 
(Lyrics)





เห็นชื่อเพลงก็สะดุดแ้ล้ว เที่ยงวันสีขาว เฮ้ย !! อะไรวะ ใช้ไวท์เทนนิ่งมากไปรึป่าว
กดฟังครั้งแรกก็ชอบ ลองนั่งแกะเนื้อเพลง....หลอนพิกล
เป็นเพลงที่ไม่รู้จะแปลอะไร ให้ตายสิ !!
ให้อารมณ์ความเพ้อฝันได้เป็นอย่างดีแม้ไม่มีโคเคน, Lol

 (ตามที่เข้าใจไปเองนะ) เนื้อหาออกมาในรูปแบบของคนที่คิดอะไรซักอย่างมากมายอยู่ในหัว
และจู่ๆก็พูดออกมาเป็นคำๆเท่านั้น เข้าใจยากทางความหมาย เข้าใจง่ายทางอารมณ์ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงกดมาฟังได้นะเรา.....


[Lyrics]


Slowly...
I know...
We are dreaming...
Feeling....


ผ่านไปอย่างช้าๆ, ฉันเข้าใจ
พวกเรากำลังฝันและรู้สึกเช่นนั้น

Destroy me
I am nothing (4 Times)


หมดแล้ว...
ฉันไม่เหลืออะไรซักอย่าง (ซ้ำ 4 รอบ)


Slowly
I know
Without you
We are dreaming

ผ่านไปอย่างช้าๆ 
ฉันรู้ เมื่อไม่มีเธอ...เรากำลังฝันไป



I am nothing (3 Times)


(ที่จริงแล้ว) ฉันไม่เหลืออะไรเลย (ย้ำไป 3 รอบ)


Don't leave
I know
We are dreaming
Feeling


อย่าจากไปเลย
ฉันรู้...เรากำลังฝันไปในความรู้สึกนั้น

Destroy me
I am nothing (3 Times)

หมดแล้วตัวฉัน
ไม่เหลืออะไรเลย (3 จบ)



I am nothing (4 Times)



I am nothing (4 Times)



I am nothing (4 Times)

ฉันไม่เหลืออะไรเลย  (ตอกย้ำมันเข้าไปอีก 12 รอบ)
ให้ตายสิ !!!
............

แปลจบแล้วยังสงสัย...จะเศร้าไปไหนวะเนี่ยเฮ้ยยยยย !!!
ได้ใจ ได้อารมณ์มากมายครับพี่น้อง

25541221

OneRepublic - Good Life (New MV)

OneRepublic - Good Life (New MV)
กลับมาใหม่ แบ๊วได้ใจกว่าเดิม



    หลังจากที่่แปลเพลงของ OneRepublic ไปแล้ว 2 เพลง ก็ค้นพบว่า อ้าว !! กูชอบวงนี้เหรอเนี่ย ...ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อนสนิทเราก็ชอบวงนี้มากด้วย ...น้องของมันก็เป็นแฟนคลับขั้นที่ว่าติดตามทุกวินาทีเลย ให้ตายสิ โลกกลมดีจริง  

นอกจากที่แปลไปทั้ง 2 เพลงแล้วมีเพลงอื่นที่ชอบ เช่น
Marching on  ทั้ง 2 เวอร์ชั้นเลย
Everybody Love me
Someone to save you (อันนี้ชอบตามคนแนะนำ อิอิ)
และอีกหลายๆ เพลงเลย ~ มันเพราะอ่ะ

มีความคิดอยากจะแปลเพลงอื่นๆบ้างละนะ  ทว่า...มันมีคนแปลเอาไว้แล้ว แปลไว้ดีด้วยสิ เราก็เลยปล่อยเลยตามเลยไป ทั้งๆที่หมายตาไว้หลายเพลงเลย (อันที่จริงอ่ะ ขี้เกียจ Lol)

กลับมาที่ MV นี้
- เพิ่งได้ดูก่อนจะโพสไม่กี่ชั่วโมง เห็นแล้วอดไม่ได้ ต้องโพส ต้องโพส - ไรอันในเอ็มวีนี้ผอมแล้ว (Haha) แถมมาแบบกางเกงแดงแรงแข่งกับมิคกี้เลยทีเดียว  MV ตัวนี้ ส่วนตัวคิดว่าให้อารมณ์ของคำว่า Good Life ได้ดีนะ น่ารักมาก สวยมากด้วย ดูแล้วฟังแล้วขนลุกจริง (ไม่ได้ปวดอะไรทั้งนั้นล่ะ)

ตอนนี้เลยกลายเป็นหนึุ่งในสาวกเพลงเพราะทั้งหลายแล้วสิ ต้องขอขอบคุณน้องชายสุดที่รักที่แนะนำ อัพเดทข้อมูลเพลงทั้งของ OneRebublic, Björk, Phil Colin, Foster The People และอีกหลายๆคน (หลายๆวง )เลย เพลงความหมายดีๆเพราะๆ เหล่านี้ผมว่า....ถ้าจะติด จะชอบคงไม่แปลกหรอกนะ

ฟังแล้วก็ยิ้มไป คิดถึงคนนั้นไป เฮ้ออออ ~

- ใครอยากทราบเนื้อเพลง Good Life ทั้งหมด พร้อมคำแปล กดตามลิ้งข้างล่างนี่ได้เลยครับ
http://medih.blogspot.com/2011/08/good-life-one-republic.html

25541208

B4 Malaysia Trip 2

Heading to Phuket. [Part2] : Drama addict 

      It's too boring when no more snack and you can only sat on the seat. Boring !!!
So, After the secondary bus stopped. I thought I ought to sleep, not just Nap. before that just called Pin and told her I will be there around 9-10 pm.


Woke up !! and see outside, ~ I still on road trip in the night and it is.....

!!!!

Almost Mid night !!

    Damn it, What the hell of this fuckin LATE !!  I need to....Call up to ma friend.

Shit !!  4 Miss calls on my phone display. Too Bad situation like this made me fail inside.
P'Tae Call me up. He ask for make sure I'm alright ~ So I heard Pin voice ....She shout to me like loser can be. ....

Going Down..... 

Down

...and down...

11.54 pm Get off fuckin old lately Bus


On this time, I wonder "What am I doing here? and Why ?"  Just to followed my heart ? Such a stupid Idea.
"Should I kept to do it?"


Me, Moron? 
...
answer is  "Maybe"

Ha ha ~ I knew it's nonsense, stupid, silly, moron, fool ....what ever....it's my decision.
They are all together in the room and can be fun without me. Did I self-important too much ?
I sat on outdoor chair in front of Their place to thought about it again and again. It's gonna be more worse if I heading back to Bkk now. So, I get up and decide to face them with unfeeling face...

I was knock and stand in front of the door #303, Sound many funny things inside but I didn't happy with. The door open by Krits (Or Pepe)... Well I pretty glad and wanna smile but I can't with no reason.

It's Too bad feeling. I ignore answer Pin's question because I have no idea for explanation. it's still blur and blue. just that....

So, Time to switch other Medih to standby. for fake happily face and don't made other bore or mad.
I did it....Switch to be man of happiness with smile face.

Who's care my pain ?
Who's notice my tear inside?

 " None "  

So, I don't wanna be more stupid with frown face anymore. 

Just see Krits's face must made me happy enough. 



02.00 am of 9 Dec.

   We ought to sleep to save our energy for tomorrow.

Good night ~ earth



-Paid List of the day-

Bus No.522 :              20   ฿
Breakfast :                 25   ฿
Bus No.539 :                7   ฿
Bus Ticket                 496  ฿
Snack & Drink             83  ฿
Snack & Drink2            60  ฿
                 Total                 =  691  ฿

B4 Malaysia Trip 1


Before Malaysia Trip

        Heading to Phuket. [Part1]



My Bag and ...my Fur Boots that I reject to bring it to go with 


     It's Began from My feeling and my heart's request, It's really want to face the one who can made me drive myself crazy. Yep, It's totally nonsense of mine, but who care ! In the other hand, It's must be my first good step to see how's world been.

   So, I decided to pack my stuff and came to Bkk 2 days ago. Now, I finished manage all Things here and ready to see my friends, my love as well. :D



7.10 am  "Heading To Sai Tai, Southern Bus Terminal "
 - On This Trip I just have only 4000 Bht, So It's gonna be Cheap and tramp trip like I want to. Began get on Bus No.522 from My place at Yak-Kaset ...  and  get off at Victory Monument... It's take time about half hour for this morning because it's not holiday. Then, walk around to fix my hungry. after that, I was Finding the Bus No. 28 or 515 to go Sai Tai.  Pooring... It's too busy today.

New Discovered !, I got on bus No.539  to get there. It's waste an hour for Traffic jam and now just worries about Bus to Phuket table. Awwww ~



8.44 am
 - Here at Sai-Tai Bus Terminal. and I got bus ticket already!! It's just old bus and run on old line...ticker seller told me it must take around 12-14 hour for (Oh my...) The bus wheel start rolling at 9.30 am. I had a few time to Toilet and bought some snack for 13 hour bus life!! ....Get on bus and set things then log in FB by my new Mobile (I need to learn how to use his more function and it's time for that)....

     Well, a strainger guy next seat had a fucking shit body odor. So I solve it by move to the other back seat...Ahhh ~ breath !!

1.20 pm : Bus Stop for Lunch
   Well, drop here to eat and store more edible for next 10 hour, Goshhhhh !!
   I Send SMS to My lovely friends... Pin to ask her about her brother.(Yes, He's the one who you even know who is he) because, This is his first time to go Phuket by flight. He must come to Bkk by bus then go to Suwannabhomm Airport to check in and do first time things. He he I exited with him. :P

25541029

The best Birthday party

The Best Birthday Party and my silly phase.

18 Oct 2011 - Daylight
เริ่มต้นด้วยข้อความอวยพรวันเกิดของแม่ที่เข้าเครื่องมาตั้งแต่เที่ยงคืน...ดีใจอ่ะ ...แต่ว่าในหัวตอนนี้กำลังอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกเยอะแยะมากมาย....

วันเกิดปีนี้ ผมได้สิ่งที่มนุษย์ทั่วไปควรจะมีคืนมา  มันคือ ... "น้ำตา"

อ่าว งงกันไหม...มา...มาย้อนความกันหน่อย... 


เมื่อก่อนผมก็มีน้ำตาเหมือนคนทั่วไปแหละครับ กระทั่งวันหนึ่งกลับมาจากขายของที่ตลาดนัด ทุกครั้งที่ป๊าขับรถเข้าบ้านหมาที่บ้านทั้งหลายก็จะพากันกรูเข้ามาพาเหรดดีใจต้อนรับนายกันตามประสา ซึ่งวันนั้นก็เหมือนกับทุกๆวัน ทว่าวันนั้นมันมีเสียง  

โพล๊ะ !! 

ใช่แล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผมกำลังจะเล่าอะไรต่อ สิ่งที่ได้ยินต่อมาคือเสียงกรีดร้องของน้าสาวที่ดังขึ้นเป็นชื่อของ "อุ๋มอิ๋ม" หมาเพศผู้พันธุ์สปิตท์ที่เกิดพร้อมๆกันกับผม เล่นด้วยกันมาตั้งแต่ยังเดินไม่ได้ ผมในตอนนั้นช็อคไปเกือบชั่วโมง ...พอสติกลับคืนมาก็ร้องไห้ไม่หยุด อยากจะหยุดก็หยุดไม่ได้ ป๊าเองก็เสียใจแต่ก็โวยวายป้ายความรับผิดชอบตามประสาคนกลัวการถูกตำหนิ และหลังจากเหตุการณ์นั้นมาก็ไม่เคยร้องอีกเลย 
   ...กระทั่งค่ายปัจฉิมนิเทศ ม.3 ...ตอนนั้นซึ้งมาก เศร้ามากจนร้องไห้ แต่ไม่มีน้ำตา !? สภาพคนร้องไห้หน้าตาบูดเบี้ยวแต่ไม่มีน้ำตามันน่าขันชะมัดให้ตายสิ ในความคิดผมก็คือไม่มีแล้วน้ำตา หลังจากนั้นไม่ว่าจะยังไงมันก็ไม่มีน้ำตาไหลเหมือนคนทั่วไปร้องไห้เลย แถมไม่ค่อยจะร้องไห้บ่อยซะด้วยสิ

...จนกระทั่งวันนี้...
เรื่องราวต่างๆในสมอง ความรู้สึกมากมายที่อัดแน่น สิ่งต่างๆที่รายล้อมทำให้ผมรู้สึกทรมานและมีความสุขผสมปนเปกันอย่างแยกไม่ได้ วันนี้ทั้งวันหมดไปกับการเดินเที่ยวในเมืองภูเก็ตอย่างไร้จุดหมาย... จนไปถึงสะพานหิน... สติเลื่อนลอยนึกถึงแต่คนๆหนึ่งอยุ่ตลอดเวลา ทั้งรู้สึกผิด ทั้งตกใจในสิ่งที่ตัวเองรู้สึกต่อเขาคนนั้น ทั้งกลัวคำตอบที่ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง ทั้งไม่รู้ว่าจะยอมรับคำตอบได้ไหม ควรทำตัวยังไงต่อไป

เพื่อนสนิททั้ง 3 และเพื่อนใหม่อีกหนึ่งคน เตรียมจะเซอร์ไพรซ์วันเกิด
หากแต่ไม่ได้ตื่นเต้นด้วยเลยกับอายุที่มากขึ้น กลับนึกถึงแต่คนๆนั้นตลอด ~ และก็ถึงเวลาที่่ต้องกลับห้องซะที... ริยาห์เอารถมารับพากลับที่พักอย่างมีพิรุท แหงล่ะ นี่มันวันเกิดเรานี่

18 Oct 2011 - Night Time
เปิดประตูมาก็เป็นดังที่คาดไว้.... พวกเขาเซอร์ไพรซ์จริงๆด้วย
...หน้ากูเฉยโคตร... ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทั้งๆที่ดีใจมากๆ

คนๆนั้นลงมือทำอะไรให้ตั้งหลายอย่าง ความรู้สึกมากมายก่อตัวภายใต้ใบหน้าที่นิ่งสนิท ~ ดีใจ ซึ้งใจ ตื้นตัน มีความสุข....

น้ำตาไหล... !!!

เล่นเอาตกใจ... จู่ๆน้ำตาก็ไหลพรากเป็นทางๆด้วยความตื้นตัน
สิ่งนี้สินะ...ของขวัญที่เราให้กับตัวเองในปีนี้ ได้รู้จักกับความรู้สึกที่ไม่เคยคิดจะศรัทธา ได้น้ำตาคืนมาเหมือนคนทั่วไป ได้เรียนรู้กับการบังคับหัวใจ(ที่ไม่เกิดประโยชน์เลย) และได้อะไรๆอีกมากมายจากที่นี่...

25541025

Lonely Sickness


ผมเหงา...

คงเป็นคำที่ตัวผมเองได้ยินบ่อยจนเบื่อ จนชินชา
จนรู้ได้ทันทีว่าจะทำหน้าอย่างไร จะตอบยังไงเวลามีคนมาถามว่าเป็นอะไรรึป่าว

มันก็ไม่ใช่สิ่งแปลกปลอมที่ไหน
มันมาเคียงคู่หัวใจเราประจำจนสนิทกัน จนไม่คิดจะสุงสิงกับความรัก
ใช่ครับ

ครั้งนี้ผมก็ได้มันมาคอยปลอบใจ ต้องขอบใจ

 

                                                       ...ความเหงาที่ไม่มีใครได้ยิน...


ก็กลัวแหละ... กลัวมากด้วย

25541017

Unbelievable Feeling

Unbelievable Feeling

ผมรู้ตัวนะว่าผมชอบน้องคนนึงมานานแล้ว
เขาก็ไม่ใช่คนอื่นไกลที่ไหนหรอก เขาเป็นน้องของเพื่อนรักเพื่อนสนิทของผมเนี่ยแหละ ...

ผมปลื้มในความเก่งกาจ ความคิดที่แปลกแตกต่างที่ผู้ใหญ่บางคนคิดไม่ได้ด้วยซ้ำ ทั้งๆที่เขาเองก็เป็นเด็กคนนึงเท่านั้น ความสามารถที่เกินตัวของเขาทำให้ผมรู้สึกว่า เด็กคนนี้แม่งแนวอ่ะ เท่อ่ะ ชอบวะ... เจ๋งดีคนเก่งแบบนี้ และความขี้อายที่มีอยู่ในตัวทำให้ผมใช้เป็นจุดอ่อนในการกลั่นแกล้ง ...ตอนมันเป็นเด็กอะนะ พอโตขึ้นมากลับกลายเป็นคนกวนบาทาจนน่าตกใจ เป็นอีกจุดที่ดึงผมเข้าไปสนใจในตัวคนๆนี้

กระทั่งได้มาเจอกันอีกครั้งในทริปการรวมตัวที่ภูเก็ต

"มัน" มีความเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจ จากเด็กจ้ำม่ำกลมๆขี้เขินขีิอาย กลายเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาคมเข้มที่เงียบขรึมแต่พร้อมจะกวนตีนได้ทุกเวลา ...ใช่แล้ว... มันหล่อขึ้นจนใครๆต่างพากันชม

คือ... มันก็"หล่อ"จริงๆอะนะ...

แต่ผมว่า มัน"น่ารัก"มากกว่า ...โดยเฉพาะเวลายิ้ม

ผมยังติดนิสัยจ้องมองสิ่งที่ตัวเองสนใจอย่างไม่ปราณีความรู้สึกผู้ถูกจับตาดู  จน"มัน"ต้องทักเราว่า"พี่นี่ ชอบจ้องเนอะ" เราก็ได้แต่ขำฝืดๆกลับไป

กลับมานั่งสรุป ทบทวน ในสิ่งต่างๆแล้ว... ไม่ค่อยอยากจะเชื่อเลยว่าผมรู้สึกแบบนี้กับมัน

กระทั่งผมได้ทำสิ่งที่ไม่สมควรทำลงไป

...สิ่งที่ผมรู้สึกหลังจากนั้นคือ ผมแคร์ความรู้สึกมัน ผมห่วงมัน ผมอยากจะกอดมัน ผมไม่อยากทำให้มันไม่สบายใจด้วยเรื่องอะไรก็ตาม ผมไม่อยากจะยื้อมันไว้...

เปิดดูรูปที่ถ่ายมาตลอดทริปนี้... มีรูปมันเกือบ 30% ของทั้งหมด (รูปตัวเอง20% รูปเพื่อน20% วิวและสิ่งของต่างๆ15% ภาพไอเดีย9% ภาพอื่นๆ 6%)

รึว่าผมจะ ระ...
!!!!
ไม่นะ ไม่น่าจะ...

!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

จริงดิวะ ไม่น่าเชื่อเลยอะ

25540925

Dead Fantasy 2

Dead Fantasy 2

Dead Fantasy แบทเทิลอนิเมชั่นนำตัวละครจากสองเกมซีรีย์ดัง คือ Final Fantasy และ Dead Or Alive (หรือ DOA) มายำรวมกัน ชาวอนิเมะแนวต่อสู้คนไหนดูก็ต้องติดใจ เพราะนอกจากจะมีสาวๆสวยๆมา Feat. กันให้กระชุ่มกระชวยแล้ว ฉากต่อสู้ยังออกแบบมาได้โคตรแฟนตาซี เว่อร์สุดชีวิตชนิดที่ฟันแทงไปหลายรอบ โดนยิงไปหลายที สาวๆก็ไม่มีท่าทีที่จะเลือดออก แถมยังประโคมอบิลิตี้ + สกิลของตัวเองสนับสนุนพรรคพวก รึโจมตีใส่ฝ่ายตรงข้ามแบบไม่มั่วนิ่ม

หลังจากทิ้งท้ายด้วยการเซอร์ไพรซ์แฟนๆด้วยการปรากฏตัวของ Tifa Lockheart (FF VII)  ในตอนสองนี้ ไอเดียฉากต่อสู้ทีมผู้สร้างกระฉูดและน่าติดตามมาก เพราะเปิดตัวเรียกน้ำย่อยด้วยการปะทะแบบ 3-3  อย่างสูสี สาวๆ DOA ก็แกร่งถึกอลังการ รับมือตอบโต้ได้ดุเดือด ส่วนทาง FF เองก็คอมโบ้เข้าขากันจนระดับท่าไม้ตายได้อย่างน่าทึ่ง และที่ทำเอาขนลุกเลยคือ 

การต่อสู้ในแนวดิ่ง !!!

ในตอนนี้ ทาง DOA ได้เพื่อนร่วมทีมอีกคน...คือ...คือไม่รู้ว่าใคร 
แต่ไปหาข้อมูลมาผู้รู้บอกว่าเธอเป็นตัวละครจากเกม  Ninja Gaiden (คาดว่าคงเป็นตัวละครที่เข้าไปแจมกับ DOA. ก่อนนี้จึงจัดเป็น พันธมิตรของฝ่าย DOA) และทางฝ่าย FF เองก็ไม่ได้น้อยหน้ากันเรื่องความอลังการ เริ่มที่เวทย์ Protect ที่คุ้นตารูปแบบมาจาก Kingdom Heart 3 มาแล้ว ตามด้วยทิฟาโชว์ดื่ม Elixir(ขวดเนี่ยไม่ไหวแล้ว) แบบเซ็กซี่มาก(มั๊ย?)  ....และตามด้วย ตัวละครจาก FF VIII และ Kingdom Heart ที่เป็นพันธมิตร

ส่วนตัวชอบดนตรีประกอบช่วงที่กระโดด และช่วงที่ทีม FF ใช้เวทย์ Heast (เพิ่มความเร็ว) ดนตรีเข้ามากๆ โดนโสตประสาทสัมพันธุ์กับนัยตามากๆ  แต่ว่าฝ่าย FF ที่มาทีหลังเนี่ย "เจ้เทพเกินไปไหมครับ ?"


25540818

ดวงจันทร์ 2 ดวง


17 - 18 / 08 / 2011  
ดวงจันทร์ 2 ดวงและช่องว่างของความรัก
ได้อ่านบทความวิทยาศาสตร์ที่ว่าด้วยอดีตโลกเรามีดวงจันทร์ 2 ดวง !!!

ก่อนนี้เคยอ่านบทความโรแมนติกที่บอกว่า เมื่อก่อนมีดวงจันทร์ 2 ดวง เป็นหญิงกับชายแล้ว ดวงจันทร์หญิงก็ไปปลื้มดวงอาทิตย์ ดวงผู้ชายหาอยู่นานไม่เจอเลยแตกตัวออกเป็นดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้า ครั้นเมื่อดวงจันทร์หญิงสาวกลับมา(เพราะพระอาทิตย์สว่างไป มองไม่เห็น....ละมั้ง) ก็หาดวงจันทร์อีกดวงไม่พบ... คืนที่จันทร์สว่างทั่วฟ้า ดวงดาราจะอาภัพ  คืนที่จันทร์หรี่แสงหลับ ดาววาววับจะปรากฏทั่วนภา

ทว่า...ตามทฤษฏีวิทยาศาสตร์ ดวงจันทร์ทั้ง 2 ได้รวมกัน*

  เมื่อก่อนโลกเราก็มีดวงจันทร์ 2 ดวง เป็นดวงเล็กและดวงใหญ่ แต่ด้วยแรงดึงดูดที่แตกต่างจึงทำให้เกิดการดูดรวมร่าง (ฟังแล้วสยองพิกล) การปะทะกันของดวงจันทร์ 2 ดวงเกิดปรากฏการณ์ที่ชื่อ Big Splat ขึ้น
จากนั้นมา...โลกเราก็เหลือดวงจันทร์เพียงดวงเดียว

*อ้างอิงจาก http://news.ucsc.edu/2011/08/big-splat.html

  และจากที่ได้อ่านบทความ บวกกับเป็นที่ปรึกษาปัญหาชีวิตให้คน 2-3 คู่ จึงเกิดความคิดเปรียบเทียบความรักของคน 2 คน~ กับดวงจันทร์ 2 ดวง


เคยไหม ... ที่เรารู้สึกรักเขามาก อยากอยู่กับเขาตลอดเวลา
เคยไหม ... สงสัยทำไมเขาต้องหงุดหงิดเวลาเราไปหา ทำไมเขาไม่อยากอยู่กับเราตลอดเวลาเหมือนย่างที่เรารู้สึก

  มนุษย์ทุกคนย่อมต้องการช่องว่างและพื้นที่ส่วนตัว ไม่เว้นกระทั่งคู่รักของคุณหรือแม้แต่ัวคุณเอง การที่คุณเกะติดเขามากเกินไปทำให้เขารูึ้สึกว่าคุณรุกล้ำความเป็นส่วนตัว อาจจะมีหงุดหงิดใส่รึเมินไปตามแต่วิธีตอบโต้ของบุคคล  ในอีกทางหนึ่ง  คนที่เฝ้าคอยตามติดอย่างเอาเป็นเอาตายก็จะสูญเสียเวลาไปกับการนึกถึงอีกฝ่าย ไม่เป็นอันทำการทำงาน สติสตังหลุดร่วงร่อยไปตามทางที่เดิน กลายเป็นคนที่ขาดความเป็นตัวของตัวเองไป มีเท่าไรทุ่มไปหมด สุดท้ายก็ไม่มีแรงบันดาลใจอื่นใดในชีวิตนอกจาก เขาหรือเธอ ของคุณ

การที่ดาวสองดวงโคจรรอบกันนั้น ย่อมต้องการพื้นที่ว่างเว้นไว้ หากห่างเกินไปดวงหนึ่งย่อมหลุดลอยไปโคจรรอบวัตถุอื่น หากใกล้เกินควรก็จะถูกดึงเข้าไปรวมกับดาวอีกดวง... กลายเป็นส่วนหนึ่งของเรา ไร้แม้กระทั่งเงาของตัวเอง

ฟังแล้วดูดี.... ใช่ไหม

แล้วใครจะมาโคจรเคียงข้างดาวดวงนั้นหล่ะ ?

ในเมื่อดาวที่เคยคู่ จู่ๆก็เข้ามารวมเป็นส่วนนึงของตน ดาวดวงที่เหลืออยู่ก็ยังต้องการ "อีกตัวตน" ที่จะเคียงข้างกันไป มากกว่าการรวมเป็นหนึ่งแต่ไร้คู่สนทนา ปรึกษา หรือเพื่อกิจอื่นใดก็ตามที


ก่อนนั้น ~ เขาคนนั้นรักที่คุณเป็นคุณ แม้ว่าจะขอให้คุณเปลี่ยนแปลง แต่เขาไม่ได้ต้องการให้คุณ เปลี่ยนไป หากวันหนึ่งคุณกลายเป็นคนที่ตามติดชีวิตเขา เฝ้าพะเน้าพนออยู่ทุกค่ำเช้า ปากก็ถามเอาๆ ว่ารักไหม คิดถึงป่าว ~ ไม่ต่างอะไรจากตุ๊กตาพูดได้มีชีวิต

คิดให้ดีนะครับ ~ 

25540817


15 / 08 / 2011
รึมันจะเป็น...ลางบอกเหตุ !!
!

ชีวิตปกติที่ไม่มีอะไรหวือหวา ดำเนินเรื่อยมาเหมือนทุกครั้งนั่นแหละ ~ เรื่องปวดหัวปวดกบาลอย่างรายงานก็ยังคงวนเวียนอยู่ไม่ไกล ทำไปบ่นไปเหมือนทุกที ~  คริปรายการวิทยุก็ให้  Ares Errer คิดให้ - - - สบายบุรีไปแต่ก็ยังไม่ สบายซะทีเดียว 

วันนี้มีเรียนนิดเดียว เลยเอาเสื้อมาเปลี่ยน ~
เสื้อสีดำที่พี่บีให้มา ตัวใหญ่อลังการสุดยวด ใส่แล้วเป็นฮิปโปในชุดฮิป-หอบเลยทีเดียว 
เข้า FB พบว่าพี่บี(คนที่ให้เสื้อมาเนี่ยแหละ) กำลังมีอาการน่าเป็นห่วง
~ คือแรกๆที่รุ้จักพี่แกจะทักทายหลายรอบ เป็นห่วงเป็นใย เรียกว่าโคจรรอบตัวเราเลยก็ว่าได้ จนเราเคยชินกับการโคจรของเขา ตอบรับมั่งไม่ตอบรับมั่งตามประสา และก็เหมือนกับที่หลายๆคนประสบ เมื่อแรงดึงดูดมีแค่ฝ่ายหนึ่งที่แรงกล้า ส่วนอีกฝ่ายแผ่วเบาเหลือเกิน นานๆเข้ารอบการโคจรมันเรื่มห่างออกไป
SmS ที่ได้ลดความถี่ลง ~ ได้แต่สังเกตุดูอย่างเงียบๆ พี่แกคงยิ้มเริงร่าบนหน้าแต่ขากำลังก้าวห่างออกไป

หลังจากนั้นไม่นานจึงทราบข่าว...ว่าพี่บีไม่สบาย เข้าโรงพยาบาลไปหลายวันเลยด้วยปัญหาทางสุขภาพร้อยแปดพันเก้าที่เคยได้ฟังจากพี่บีเล่า  ส่งโปสการ์ดไปเยี่ยมแทนตัวจริงแค่ใบเดียว แล้วเราก็งกๆเงิ่นๆกับเคมีอินทรีย์ต่อไป  เข้าสู่ช่วงพูดไม่รุ้เรื่อง

หลังจากไปฟัดกับเคมีอินทรีย์กลางภาคกลับมา ก็ไม่ได้คุยกับพี่เท่าไรใน
เห็นสถานะตัดพ้อต่อว่าพาโทษตัวเอง จนนึกภาพได้ว่าอาการคนจิตตกรุนแรงเป็นอย่างไร กดตัวเองลงไปด้วยความน้อยใจ
ไอ้เราก็ไม่ได้ถามหรอกว่าพี่แกเจออะไรมา กลัวจะเป็นการไปละลาบละล้วง ได้แต่นั่งติดตามอ่านสถานะไป อันไหนปลอบได้ก็ปลอบทั้งๆที่รู้ว่าปลอบไปมันก็ช่วยอะไรไม่ไ่ด้
นอกจากใจเขาจะเข้มแข็งขึ้นมาเอง  จึงปล่อยไป อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ~ 

คืนนี้เดินกลับห้องเหมือนทุกที...เดินมองสิ่งต่างๆยามราตรีไปเรื่อย สงบดี กระทั่งเดินจนถึงประตูฝั่งพหลฯ ด้วยความร้อนจึงกระพือเสื้อยืดสีดำ

แคว๊ก !!!  

???

ถึงหน้าจะเฉยๆแต่ใจเนี่ยฮวบเลย ทำไมเสื้อจู่ๆมาขาดเอาซะดื้อๆเนี่ย แถมตรงที่ขาดก็พอดีหน้าอกฝั่งซ้าย ตำแหน่งหัวใจพอดีเป๊ะ ได้แต่จับส่วนที่ขาดซ่อนไว้หลังสายกระเป๋าสะพาย จ้ำอ้าวไปจนถึงหอ
.. ความคิดวูบนึงเข้ามาในสมอง ~ รึมันจะเป็นลาง ?

พี่บีเป็นอะไรรึป่าววะ ? .

อารามอารมณ์ทำให้เชื่อในลางบอกเหตุ  ณ ขณะนั้น (เพราะทุกทีแม่นจะตายก็เสือกไม่เชื่อมัน  คราวนี้ลองเชื่อมันดูซักที)

เลยกะว่าพรุ่งนี้ไปดูอาการเจ้าของเสื้อหน่อยดีกว่า ขออย่าให้มีการสูญเสีย การจากลาเลยช่วงนี้

นั่งทำรายงานได้ ครึ่งหน้า....กูนอนดีกว่า ตาจะปิด...


16 / 08 /2011
การจากไปของสิ่งที่(เคย)โคจรรอบตัวเรา

เช้าวันนี้ระบบขับถ่ายทำงานผิดปกติ... ใช่แล้ว กูท้องเสีย 
เล่นงานซะเพลียต้องลงไปนอน ...สมองก็นึก มะวานแด๊กอะไรไปบ้างซึ่งเท่าที่นึกได้ก็สันนิฐานได้ดังนี้
1.น้ำแคนตาลูปปั่น ที่ซื้อมากินแล้วก็วางทิ้งไว้จนละลาย ~ แล้วไปกินต่อจนหมดก่อนที่จะทิ้งแก้ว
2.แคนตาลูปและมะละกอที่ซื้อกินเมื่อคืน อาจจะสกปรก
3.คิดว่าอาจจะเป็นน้ำแข็งที่เขาใช้แช่ผลไม้...เพราะร้านนี้เห็นขายกันตั้งแต่บ่ายยันสี่ทุ่ม

จะกรณีไหนก็ช่าง  ~  กูขาดเรียนอีกแล้ววันนี้ นอนๆ ลุกๆ อยุ่เนี่ย
เซ็งตัวเองจริงๆ ยังไงก็อย่ารุนแรงเท่าตอนที่แพ้หอยแครงเลย ถ้าได้เข้าโรงพยาบาลจริงคงได้อดตายพอดี

...บ่ายโมง อาการดีขึ้น   ลุกได้ก็จัดแจงแต่งตัว กะว่าจะเข้ามหา'ลัย เข้าไปพิมพ์รายงานเสียให้เสร็จ 

...It's gonna be good life today...
สโลแกนมองโลกในแง่ดี  แม้ว่าเข้าไปต้องโดนเจ้ถั่วด่าใส่ไฟลุกก็ตาม จะไม่โกรธ (ก็มึงไม่ไปเรียนเองนี่ฝ่า) ด้วยพยายามอารมณ์ดีจะเิกิดอะไรก็ค่อยว่ากัน  

เข้ามาเจอโบกำลังนั่งทำงานของมันอยู่ ....Empire & Allie -*-, LOL
ไม่ใช่ !!!  มันพิมรายงานอยู่ อารมณ์ไม่เสียด้วย นั่งคุยไปซักพักก็ทำมั่งดีกว่าเรา จะไม่เสร็จเอานะงานน่ะ 

เข้าสู่ FB ครั้งแรกของวัน
พี่ฟาง แฟนพี่ต้นเข้ามาทักทายเป็นคนแรก เพราะช่วงนี้คุยกันบ่อยเหลือเกิน เม้ากันหูหลับตับไหม้ทั้งวี่ทั้งวัน การงานไม่ต้องทำกันเลยผองเรา แล้วก็นั่งเล่นเกม ฟังเพลง พิมพ์งานไปตามประสาคนเฉื่อย...


What I forgot ? กูลืมอะไรรึป่าวหว่า...?



....



เอาเหอะเดี๋ยวก็นึกออกเอง ทำงานก่อนจะดีกว่า



...
..
พี่บี !!~
 ตายหอง ลืมไปสนิทเลยว่าจะไปดูอาการ เห็นพี่แกบ่นถึงการรอคอยที่ไร้ค่า ไร้ประโยชน์ เสียเวลา something like that เนี่ย รีบกดรีเฟรชหน้าจอ ก็ได้มาเจอกับความประหลาดใจ

"บี อยู่คนเดียวเหมาะกับคุณล่ะ is in a relationship with Nus Thawit."
 Yesterday at 1:50pm 


o_Q !!  


ต๊กกะใจ อยู่พักนึง

เห็นอาการไม่ดีน่าห่วงอยู่หลายเพลา ~ จู่ๆก็กระดี้กระด้าร่าเริงเลยพี่เรา .หนุ่มนิรนามผู้นั้นคือใคร เราเองก็ยังไม่ทราบ แต่ตอนนี้ที่ทราบคือกำลังสวีทมากๆ

ตระหนักได้ว่าก่อนนี้ที่ จู่ๆ SmS พี่แกหายไปคงเพราะ....

1. ก่อนนี้เข้าใจว่า :~เพราะ  หมดแล้วล่ะซึ่งความมานะของคนๆหนึ่งที่พึงจะมีได้ตามสามัญมนุษย์ คงเลิกความตั้งใจที่จะติดตามไปแล้ว ดีแล้วล่ะ ดีกว่าปล่อยให้แกมาคอยตามเราอยู่อย่างนี้ ~ สงสาร เสียดายคนดี ๆ ที่บอบช้ำต้องมาไล่ตามตัวอะไรก็ไม่รู้อย่างเรา 

2.ตอนนี้คิดว่า :~ อ๋อ เพราะ He find the new target นี่เอง ...ถึงว่าหายจ้อย ไม่น้อยใจ ไม่งอน ไม่สงสัย ไม่อะไรเลย ~ มีเหวียงด้วยนะบางช็อต คงจะเบื่อเราแล้วจริงๆนะแหละ  สุขภาพเจ้าตัวก็ไม่ดีแถมมีเรื่องให้เครียดตลอดเลย มีใครสักคนดูแลนั่นแหละเหมาะที่สุดแล้ว ขอให้คนนี้เป็นคนที่ดีตลอดนะพี่นะ 

แล้วก็ได้พบว่า...
การสูญเสียเกิดขึ้นจริงๆ หากแต่มันเป็นการสูญเสียที่น่ายินดีมากๆ เราสูญเสียบุคคลซึ่งโคจรรอบตัวเราไป ทว่าเขาไม่ได้หายไปไหน เขาเพียงแค่ไปโคจรรอบคนอื่นที่สนใจในตัวเขา แรงดึงดูดที่เท่าเทียมใกล้เคียงย่อมดีกว่าแรงดึงดูดที่ต่างขั้ว เป็นการสูญเสียที่น่ายินดีทีเดียว

ยิ้ม...


25540814

Good Life - One Republic


แด่ชีวิตนี้ที่ได้เกิดมา
One Republi -  Good Life



[♥]
Woke up in London yesterday
Found myself in the city near Piccadilly
Don't really know how I got here
I got some pictures on my phone

เมื่อวานนี้...ผมตื่นขึ้นมาในลอนดอน
แล้วพบว่าตัวเองอยู่กลางเมืองใกล้กับย่านพิคาดิลลี 
ผมก็ไม่รู้นะว่ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
...ในมือถือผมก็มีรูปเยอะแยะเลยด้วย

New names and numbers that I don't know
Address to places like Abbey Road

ชื่อกับเบอร์โทรใหม่ๆ ที่ไม่คุ้นเลย  
ที่อยู่ของใครซักคน...บนถนนแอปบี้

Day turns to night, night turns to whatever we want
We're young enough to say...

จากวันสู่ค่ำคืน ค่ำคืนที่เราสามารถเป็นอะไรก็ได้อย่างที่เราปราถนา 
เรายังมีเวลา(ยังเด็กยังเยาว์วัย) พอที่จะพูดว่า...

♪ ~
 Oh ! this has gotta be the good life
This has gotta be the good life
This could really be a good life, good life


♪ ~ โอ้  นี่จะต้องเป็นชีวิตที่ดีแน่ๆ มีสิ่งต่างๆน่าประทับใจเกิดขึ้นมากมาย
เรามองสิ่งที่ผ่านพ้นมา ให้มันเป็นช่วงเวลาที่สุขสันต์ 


♫ ~
Say oh, got this feeling that you can't fight
Like this city is on fire tonight
 This could really be a good life


♫ ~ โอ  มันช่างเป็นความรู้สึกที่ยากเกินจะเก็บไว้
ราวกับเมืองทั้งเมืองนี้มีชีวิตชีวาขึ้นมา
สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่เราพึงพอใจได้...มันจะต้องเป็นชีวิตที่ดีแน่ๆ

A good, good life
ชีวิตนี้มันดีจริงๆ

....

[♦]
 To my friends in New York, I say hello
My friends in L.A. they don't know
Where I've been for the past few years or so
Paris to China to Col-or-ado

ถึงเหล่าสหายในนิวยอร์ค ผมยังติดต่อและทักทายกัน
ส่วนเพื่อนๆในแอลเอ  พวกเขาคงไม่รู้ข่าวของผม ว่า...
ผมหายไปไหนมาในช่วงสองสามปีมานี้
จากปารีส ไปสู่จีน จนถึงโคโลราโด้

Sometimes there's airplanes I can' t jump out
Sometimes there's bullshi-t that don't work now
We are god of stories but please tell me-e-e-e
What there is to complain about

บางครั้ง  แม้มันจะเหมือนกับตอนเครื่องบินกำลังจะตก แต่ผมก็หนีไปไม่ได้
(อุปมา : คนเราเวลาเจอกับปัญหาแล้วมันมืดแปดด้าน หาทางออกไม่ได้ )
บางคราว  แม้จะมีเรื่องงี่เง่า เกิดขึ้นบ่อยจนเบื่อหน่าย
เราเป็นคนกำหนดชีวิตว่าจะเป็นยังไงต่อไป  ทีนี้ช่วยบอกที ซิ - อิ๊ - อิ๊ - อิ๊
จะบ่นกันไปเพื่อ... ? (บ่นให้มันได้อะไรขึ้นมา)

When you're happy like a fool,  Let it take you over
When everything is out,  You gotta take it in

เวลาคุณมีความสุขมากๆจนดูเหมือนคนทึ่มๆเอ๋อๆ 
ก็ช่างมัน ปล่อยให้ใจโบยบินไป
แต่เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนผิดที่ผิดทางไปซะหมด
คุณต้องรีบหาทางแก้ไขให้มันเข้าที่เข้าทาง

......

Repeat  : ♪ ~  and   ♫ ~  

Hopelessly I feel like there might be something that I'll miss
Hopelessly I feel like the window closes oh so quick
Hopelessly I'm taking a mental picture of you now
'Cause hopelessly The hope is we have so much to feel good about


หมดหวังซะละ รู้สึกเหมือนว่าฉันคงจะพลาดอะไรไปแน่ๆเลย

จบเห่ละ  แย่จังที่(หน้าต่างแห่ง)โอกาสปิดลง ~ โอ้ย ปิดเร็วไปมั้ย (วะ) 
สิ้นหวังละ  เมื่อพยายามคิดถึงภาพในอดีตด้วยหวังจะจบปัญหาในปัจจุบัน
จะสิ้นหวังรึอะไรก็ช่าง~  ชีวิตยังคงมีหวังเสมอ  ใช้เวลาที่มีอยู่ให้คุ้มค่า  แล้วก็เฮฮากับมัน


Repeat  : ♪ ~,  ♫ ~ then [♦] 


[END]






25540813

จับมายำอย่างสร้างสรรค์ Dead Fantasy

Dead Fantasy แบทเทิลอนิเมชั่นที่เกิดจากการนำตัวละครจากสองเกมซีรีย์ดัง นั่นคือ Final Fantasy และ Dead Or Alive (หรือ DOA) มายำรวมกัน ชาวอนิเมะแนวต่อสู้คนไหนดูก็ต้องติดใจ เพราะนอกจากจะมีสาวๆสวยๆมา Feat. กันให้กระชุ่มกระชวยแล้ว ฉากต่อสู้ยังออกแบบมาได้โคตรแฟนตาซี เวอร์สุดชีวิตชนิดที่ฟันแทงไปหลายรอบ โดนยิงไปหลายที สาวๆก็ไม่มีท่าทีที่จะเลือดออก แถมยังประโคมอบิลิตี้ สกิลของตัวเองสนับสนุนพรรคพวก รึโจมตีใส่ฝ่ายตรงข้ามแบบไม่มั่วนิ่ม

ต้นกำเนิดของทั้ง 2 เกมนั้น ใครๆก็รู้ว่ามาจากจากแดนอาทิตย์อุทัย ทว่าหลายคนคงจะไม่ทันได้สังเกตุว่า~ Dead Fantasy นั้น กำเนิดมาจากฝีมือของทีมงาน A Monty OUM Production แห่งเมืองกิมจิ (เกานะฮะหลีนั่นเอง~นะฮาว์ฟฟ) ด้วยเมื่อผมมองดูหน้าตาตัวละครดีๆแล้ว เหล่าสาวๆไม่ได้หน้าตาดีสวยเลิศเลอเหมือนต้นฉบับ เพียงแต่มีบุคลิกลักษณะรูปร่างเหมือนเท่านั้น ซึ่งก็ไม่ได้สลักสำคัญนักเพราะจุดเด่นนั้นอยู่ที่ฉากต่อสู้ที่แสนเผ็ดร้อน และสร้างความประหลาดใจแก่ผู้ชมด้วยการปรากฏตัวจองตัวละครจากซีรีย์ทั้งสองทีละท่านทีละองค์ (ส่วนตัวผมเป็นแฟน Final Fantasy ซีรี่ย์นะ ส่วน DOA ได้เจอจากภาพยนตร์ก่อนแล้วจึงตามมาดูรีวิวเกม ~ แต่ก็ยังไม่ได้ลองเล่นซะที )
เริ่มต้นตอนแรกมาก็ไม่ได้เกริ่นกล่าวอะไรเลย ~ พอแค่ได้แนะนำตัวละครแล้วสาวๆก็เปิดฉากฉะกันทันที





[ในส่วนการวิจารณ์ ตอนที่1 ค่อยไปว่ากันในตอนต่อไปนะ เดี๋ยวจะกลายเป็นการสปอยด์ ]

25540812

ถาม-ตอบ (วันแม่)


♣ ~ หากให้ตอบ หนัง-เพลงไหน ใคร่ชมชอบ
ผมคงตอบ ได้มาก ได้หลากหลาย
หากให้ตอบเพียงหนึ่งคงมิวาย
คำตอบกลายเปลี่ยนไม่ซ้ำตามเวลา ~♣


♦ ~ หากท่านถามอาหารใดลิ้นใคร่โปรด
โอชาโภชที่หมายไว้มากมายหนา
แม้จำกัดเพียงแค่หนึ่งยากคณา
เปลี่ยนเวลาผันคำตอบชอบต่างไป~♦


♠ ~ งานที่ใฝ่,ชีพวิถี,สีที่ชอบ
ล้วนแล้วตอบได้มากได้หลากหลาย
หากให้ตอบเพียงหนึ่งจึงจำใจ
คำตอบไซร้เปลี่ยนแปลงตามเวลา~♠

♥ ~ แต่หากถามสตรีใดใจสุดรัก
คำตอบจักมีเพียงหนึ่งพึงปราถนา
แลไม่เปลี่ยนแปรผันตามเวลา
คำตอบคือ"มารดา"แห่งข้าเอง ~ ♥


  ~ ขอสิ่งศักดื์สิทธิ์ทั้งปวงในสากลโลก จงดลฤทธิ์ประสิทธิ์พรแก่มารดาข้าพเจ้าแลผู้เป็นมารดาทุกชีวิตไม่ว่าจะมนุษย์ ฤๅสัตว์เดรัจฉาน ภูติเทวา บริวาร เจ้ากรรมนายเวร สัมภเวสี ฯ ในภพชาติใดๆ  ให้สมบูรณ์พร้อมทั้งกายและจิต คิดหวังสิ่งใดให้ได้มาโดยสุจริตง่าย ไร้โรคภัยเบียดเบียนให้ปวดเศียรเวียนเกล้า ขอเหล่าบุตรธิดาทั่วหล้าธานีจงเป็นบุตรที่ดี กตัญญูต่อบุพการี เพื่อจักเป็นศรีศิริมงคลแก่ตัวหนุนนำให้เจริญก้าวหน้าบัดนี้และสืบไปในอนาคตกาล ~ สาธุ



•Medih C.Rozenkroy : Peau•Meloz C.Rozenkroy : Palm

25540701

บันทึกของ Necrox Glencey


จากบันทึกคำให้การของ Necrox Glencey
( พ่อค้าฝิ่นที่มีส่วนรู้เห็นและร่วมมือกับบารอนเพอฟิเดียส ดัชคาห์น(Baron Perfidioas Ductkahn) ที่จัดงานรื่นเริงฤดูร้อนจอมปลอมเชิญชวนเหล่าเด็กสาวสามัญชนให้มาร่วมงาน จากนั้นได้กักขังไว้เพื่อทรมานและขืนใจ ก่อนที่จะเผาผู้เคราะห์ร้ายทั้งหมดทั้งเป็นเพื่อทำลายหลักฐาน ... เรื่องดังกล่าวได้เข้ามาพัวพันกับตระกูลนอกรีต Rozenkroy เพราะในจำนวนเหยื่อที่ได้สังหารไปนั้นมีญาติห่างๆและผู้ติดตามของตระกูลโรเซ็นครอยอยู่ด้วย เมื่อถูกจับได้ลอร์ดเพอฟิเดียส, เนครอกซ์พร้อมผู้ติดตามของบารอนได้เดินทางมาขอเจรจาเพื่อปิดข่าวดังกล่าว...)

 ...เมื่อการเจรจาไร้ผลบารอนเพอฟิเดียสผู้ติดตาม และข้าได้เดินทางออกจากคฤหาสน์ของตระกูลโรเซ็นครอย ระหว่างนั้น เมโลซ(Meloz C.Rozenkroy)บุตรีคนเล็กของตระกูล ได้ใช้ปืนไฟฟ้าหรือ Stun gun ช็อตเราจากด้านหลัง ตัวข้าไม่หมดสติแต่ร่างกายไม่สามารถขยับได้  สองพี่น้องสั่งให้ผู้ติดตามนำเรามาที่คุกใต้ดิน ท่านบารอนและผู้ติดตามถูกนำเข้าเครื่องพันธนาการ ส่วนตัวข้าถูกขังไว้ในกรงเหล็กที่มีหนามยื่นเข้ามาจนขยับไม่ได้

  ขณะรอให้บารอนและผู้ติดตามได้สติ เมดิช(Medih C.Rozenkroy) บุตรคนรองของตระกูลได้สั่งผู้ติดตามให้ตรวจเช็คอุปกรณ์และฉีดสารบางอย่างเข้ามาในตัวข้าทำให้ข้าหมดแรงแม้กระทั่งจะส่งเสียง มีเพียงตาของข้าที่ยังมองเห็นเหตุการณ์...


ผู้ติดตามของบารอนถูกนำตัวไปอีกห้องโดยผู้ติดตามของตระกูลโรเซ็นครอย...

ส่วนสองพี่น้องบรรจงถอนคิ้วของเหยื่อ(บารอน)ทีละนิดด้วยอุปกรณ์คีบขนาดเล็ก เมื่อเช็คดูว่าล็อคขาดีแล้วเมดิชใช้คีมคีบขนาดกลางคีบที่เล็บเท้าแล้วงัดขึ้น ขณะเดียวกันผู้น้องก็ตักน้ำกรอกปากเหยื่ออย่างเร็วและต่อเนื่อง เมื่อถอนเล็บข้างหนึ่งแล้ว ทั้งคุ่สลับหน้าที่กันโดยคนน้องมาทำการถอดเล็บแทนพี่ชาย

"อย่าดึงเพราะจะทำให้เปลืองแรงโดยเปล่าประโยชน์ ให้งัดขึ้นเหมือนเปิดกระป๋องแล้วค่อยดึงออก ถ้ากระชากอย่างแรงจะช่วยให้เหยื่อเจ็บน้อยลง หากเลี่ยงได้จะดีมาก"  พี่ชายสอนน้องสาวเสียงเรียบ

เมโลสทำตามที่พี่ชายแนะโดยเริ่มนิ้วก้อยไล่จนไปถึงนิ้วหัวแม่เท้า จากนั้นราดแผลด้วยแอลกอฮอลล์70% เสียงของเหยื่อถูกสกัดกั้นไว้ด้วยน้ำที่กรอกลงมาเรื่อยๆ

เสร็จสิ้นการถอดเล็บ สองพี่น้องถอนขนตาบนล่างของเหยื่ออย่างช้าๆ และใช้เครื่องมือหน้าตาประหลาดล็อคศรีษะเหยื่อไว้ น้องสาวไขลานบางอย่างทำให้เครื่องมือเหล็กค่อยๆดันกรามให้เหยื่ออ้าปากกว้าง จากนั้นพี่ชายใช้ก้อนยางยัดที่ฟันกรามทั้ง 2 ข้าง เสร็จสรรพการขึงปาก

ข้าไม่กล้าดูต่อจึงได้แต่หลับตา... เสียงที่ได้ยินเป็นเสียงคล้ายสว่านเจาะระคนกับเสียงของบารอน หลายนาทีผ่านไปก็ได้ยินเสียงของผู้หญิงดังว่า

"ขี้เกียจเจาะแล้ว...ถอนออกเลยละกัน" ไม่นานก็ได้ยินเครื่องมือมากมาย สลับปนกับเสียงร้องอย่างอ่อนแรงหลังจาก เสียง "กึก !!"... บารอนคงถูกถอนฟันจนหมดปากเป็นแน่ ผมคิดหาวิธีหนีออกจากกรงนรกนี่ มันทิ่มแทงทุกครั้งที่ผมขยับตัวหรือแม้กระทั่งสะดุ้ง

สองพี่น้องล็อคนิ้วมือของเหยื่อให้มั่นแล้วทำการถอนเล็บมือเช่นเดียวกันกับเล็บเท้า  ผมกลับไปมองดูด้วยความลืมตัวคนน้องกำลังใช้ผ้าห่อน้ำแข็งแล้ววางเหนือนิ้วที่ไร้เล็บทั้งหมด

"ขอมีดผ่าตัดเบอร์ 3" เมดิชพูดขึ้น อีกคนหยิบส่งให้ด้วยความเร็ว
 เขากดมีกรีดลงเนื้อบริเวณส้นเท้ารอบๆ เอนร้อยหวาย จากนั้นใช้กรดกำมะถันในขวดแก้วหยดบริเวณแผล บารอนหมดสติไปแล้วขณะที่เนื้อบริเวณนั้นค่อยๆเปื่อยไหม้และหลุดออกจนมองเห็นเอ็นร้อยหวายที่ดำตัดกับสีของกระดูก แล้วสองพี่น้องก็เดินออกจากห้องไป

ข้าพยายามที่จะปลดล็อคประตูกรง มันไม่ใช่กลไกที่ยากนักแต่ว่าเนื้อที่ที่มีอยู่น้อยจึงทำได้ลำบาก เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้ ข้าเผลอหลับและตื่นขึ้นมาอีกทีตอนที่ได้ยินเสียงของบารอนสะอึกสะอื้นบนเตียงพันธนาการนั่น สภาพของเขาแทบไม่เหลือความเป็นมนุษย์เหลืออยู่ เลือดที่แห้งกรังติดตามตัวเต็มไปหมด ข้าเริ่มชินกับความเจ็บและพยายามไขประตูกรงต่อไป

"อีเธอร์กับผ้าก็อตอยู่ในห้องแล็ป เจือจางครึ่งนึงก่อนนะ" เสียงของเมดิชดังมาจากข้างนอก

"เราจะทำให้เหยื่อหมดแรงแต่ไม่ให้หมดสติทันที ย้ายเหยื่อมามัดไว้กับเตียงทดลองอันใหม่ซะ..." เสียงเมโลสดังต่อกัน
 ไม่นานเหล่าข้ารับใช้ก็เดินเข้ามาจัดแจงย้ายร่างบารอนออกไป ส่วนตัวข้าที่กำลังมองเหตุการณ์ก็ถูกผ้าปิดจมูก โลกมืดทึบไปหมดและข้ารู้สึกตัวอีกทีก็ถูกมัดแขวนไว้ที่สุสานหลังเมือง... ใช้เวลาดิ้นรนอยู่นานจนหลุดรอดหนีมาได้....

สิ้นสุดคำให้การของเนครอกซ์ที่เหมือนจะไม่ได้ถูกทรมานแต่อย่างใด ทว่าไม่นานเนครอกซ์ก็เสียชีวิตอย่างไร้สาเหตุ แต่เมื่อชันสูตรศพของเนครอกซ์แล้วพบพยาธิตัวกลมนับไม่ถ้วนตามอวัยวะต่างๆ พยาธิเหล่านี้แพทย์ได้เก็บตัวอย่างเนื้อเยื้อมาทดลอง พบว่ามีอัตราการเจริญเติบโตอย่างน่าตกใจ อีกทั้งมีสัญชาติญาณการเอาชีวิตรอดได้อย่างน่าทึ่ง เชื่อว่าน่าจะเป็นสัตว์ทดลองของตระกูลนอกรีตที่ถูกกล่าวถึงนั่นเอง....

หลังเนครอกซ์เสียไปได้ไม่นาน ทางเจ้าหน้าที่ได้พบกับผู้ติดตามบารอนในสภาพ "เสมือนศพ" ที่สุสานแห่งเดียวกัน มือและเท้าของเขาเปื่อยยุ่ยหลุดออกเป็นชิ้นๆ ปากแผลเหล่านั้นกลายเป็นแหล่งอาศัยของปรสิตและหนอนแมลงทั้งหลาย ผิวทั้งร่างกายมีสีเทาซีดแห้งกรัง ฟันเหลือเพียงแค่ 8 ซี่ที่อยู่ด้านหน้า เนื้อที่แขนและขาขาดหวิ่นไปหลายส่วน มีรอยเย็บเต็มตัว ที่หน้าท้องถูกปะติดด้วยวัสดุคล้ายโลหะ สติสัมปชัญญะขาดหายอย่างสิ้นเชิง แม้จะยังหายใจและยังมีสติแต่ชายผู้นี้แสดงพฤติกรรมอย่างน่าเวทนา

กล่าวคือ "เขาก้มลงกินดินในสุสานอย่างเอาเป็นเอาตายคล้ายว่าหิวโซ ดวงตาเหม่อลอยและดุร้ายเมื่อมีใครเข้าใกล้เสื้อผ้าของเขาขาดรุ่งริ่ง สภาพเขาจะว่าไปก็เหมือนศพเดินได้" (มาดามเฮเลส ดันสกิ้น - ผู้พบเจอศพเดินได้ในสุสานขณะไปเยี่ยมหลุมศพสามี)

หลังจากที่เฝ้าระวังศพเดินได้อยู่หลายวัน สุดท้ายเจ้าหน้าที่ก็ตัดสินใจปลิดชีพเขา เพราะแม้จะได้ตัวเขามาก็คงไม่ได้ข่าวความคืบหน้าอะไรของบารอนเป็นแน่

ทว่าหลังการสังหารศพนั้น~ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบกระดาษที่ร่วงจากศพ เนื้อความน่าจะกล่าวถึงขั้นตอนในการทดลอง หรือจะเรียกให้ถูกคือการทรมานศัตรูอย่างใจเย็น

_______________________________________________________________________

37.กรดที่เหลือจากตัวอย่าง XC-188 ให้ฉีดเข้าที่ปลายนิ้วมือทั้งหมดในปริมาณเล็กน้อย ให้กรดค่อยๆกร่อนเนื้อออกมาภายนอกเอง
38.หาก"ตัวอย่างทดลอง"สลบนิ่งไปแล้วให้ตรวจสอบม่านตาว่าเหยื่อสลบในระดับใด อย่าให้เกินระดับ 2 หรือ 3 (ม่านตาขนาดกลางอยู่ตรงกลางและไม่ตอบสนองรีเฟลก) เพราะ"ตัวอย่างทดลอง"จะไม่รู้สึกอะไรเลย
39.หยดไนโตรกลีเซอรีน (ตัวอย่าง NO-2122)ใต้ลิ้นเพื่อขยายหลอดเลือด และฉีดอะดรีนาลีน(สารกระตุ้น C51-G)กระตุ้นเพื่อไม่ให้"ตัวอย่างทดลอง"หมดสติ เราต้องการแค่ทำให้ขยับไม่ได้ หากแต่จะได้รับรู้สัมผัสครบถ้วนทุกประการ
40.หลังจากฉีดแล้วจะมีเวลาประมาณ 15-20 นาที หลังจากนั้นให้สำรวจอัตราการเต้นของหัวใจ ความดันและอุณหภูมิเป็นระยะ สลับกับการให้อะดรีนาลีนและไนโตรกลีเซอรีน
*ห้ามให้สารจำพวกสเตียรอยด์เพราะมีผลทำให้ยับยั้งความรู้สึกของ"ตัวอย่างทดลอง"

[ข้อความขาดหายไป]

56.กรีดหนังส่วนปลีน่องและเปิดออก ตัดกล้ามเนื้อออกทีละมัดด้วยมีดหรือกรรไกรผ่าตัดก็ได้ ระวังปริมาณเลือดที่ไหลออกเพราะถูกกระตุ้นระบบทางเดืนเลือด อาจจะเสียเลือดในปริมาณมากได้
57.เมื่อตัดกล้ามเนื้อแล้วให้ใส่ตัวอย่างสังเคราะห์ ER-940 เข้าแทนที่แล้วทำการเย็บปิดแผลทันที
58.เข็มปักศรีษะ 40-50 เล่ม กดลึกประมาณ1-2 เซนติเมตร จากนั้นให้หยดน้ำมันหรือแอลกอฮอลล์ใส่นัยน์ตา "บันทึกผล"

[ข้อความขาดหายไป]

66.การตัดนิ้ว ให้ตัดทีละข้อ ทีละนิ้ว (จะใช้ขวานหรือปังตอก็แล้วแต่รสนิยม) หากเลือดไหลออกมากให้เผาเนื้อส่วนนั้นเพื่อห้ามเลือด

[ข้อความขาดหายไป]

73.กรีดหนังบริเวณหน้าอก เปิดช่องอก และใช้คีมขนาดใหญ่ ตัดเปิดซี่โครงโดยเริ่มเลาะจากขั้วด้านในซี่ล่างสุด
74.ตรวจเช็คอาการ จากนั้นทำการตัดแบ่งปอดออกมา 1 ข้าง ตามด้วย ม้าม ตับ ตามลำดับ (เพราะเลี่ยงอันตรายถึงชีวิตจึงต้องค่อยๆนำส่วนเหล่านี้ที่ไม่ค่อยสำคัญออกมาก่อน) แยกส่วนที่ชำแหละออกมาไว้เป็นส่วนๆ ใส่ถาดแยกไว้และบันทึกให้ถูกต้องตามหมวดหมู่

[ข้อความขาดหายไป]

81.อย่าให้หัวใจเหยื่อหยุดเต้น หาก"ตัวอย่างทดลอง"ช็อค ให้เพิ่มปริมาณสาร C51-G อาจปล่อยเข้าตามกระแสเลือดและให้ปล่อยตัวอย่าง S-1 เข้าร่างกายเพื่อรักษาสภาพ"ตัวอย่างทดลอง"

[ข้อความขาดหายไป]
_________________________________________________________________________

กระนั้นหลักฐานชิ้นดังกล่าวก็ไม่ได้บ่งชี้ว่าเป็นของคฤหาสน์มืดแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงไม่สามารถสืบคดีได้หลังจากนั้น ไม่นานนักเมื่อไม่มีความคืบหน้าเรื่องดังกล่าวจึงต้องถูกล้มเลิกไป

25540627

My forever best photo.


ข้อมูลภาพ
กล้องที่ใช้ถ่ายภาพ :  Sony DSC-H50
โหมดถ่ายภาพ :  ภาพขาวดำ
วันที่บันทึกภาพ :  วันที่ 27 มิถุนายน 2551,  เวลา : 17.45 น.
สถานที่ถ่ายภาพ : จุดรอรถโดยสารหน้าสวนสัตว์ จ.นครราชสีมา

“ ทุกจังหวะของชีวิตมีความสวยงามในแบบของมันเองฉันใด ภาพถ่ายทุกภาพก็มีเสน่ห์และมีความหมายในตัวมันเองทุกภาพฉันนั้น “ ในการถ่ายภาพให้ออกมาสวยงามดังใจหวังนั้นทำได้ไม่ยากสำหรับมืออาชีพและผู้มีประสบการณ์การแล้ว ไม่ว่าจะการจัดเส้น แสง สี องค์ประกอบต่างๆให้ลงตัวก่อนที่จะลงมือกดชัตเตอร์ ภาพที่บันทึกมาได้จึงมีเสน่ห์ในมุมมองของมันเอง  แต่สำหรับมือใหม่หัดถ่ายหลายๆคน คงเป็นการยากที่จะปรับแสงสีก่อนถ่ายแม้ว่าในปัจจุบันจะมีระบบช่วยเหลือต่างๆมากมายที่อำนวยต่อการถ่ายภาพให้สวยงาม แต่ประสบการณ์ผู้บันทึกภาพก็ยังคงจำเป็นอยู่ 
ดังนั้นภาพถ่ายเมื่อครั้งยังไร้ประสบการณ์ที่มีความหมายต่อผู้ถ่ายภาพจึงมีน้อยนักในทางปริมาณ ทว่าในส่วนของความภูมิใจนั้นย่อมสวนทางกัน ยิ่งหากภาพที่ลั่นชัตเตอร์ออกไปแล้วปรากฏออกมาสวยงามลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อแล้ว มั่นใจได้เลยว่าความประทับใจนั้นจะยังคงอยู่ตราบนานเท่านาน
ภาพดังกล่าวคือภาพที่ผมถ่ายให้เพื่อนคนหนึ่ง เป็นการลองถ่ายภาพในโหมดขาวดำเล่นๆ โดยกะเกณฑ์ว่าสวยในแบบที่ตัวผมเองชอบแล้วก็กดนิ้วบันทึกภาพเลย ไม่ได้คำนึงถึงแสงสีของเวลาสายันห์หรือแม้กระทั่งแรงของลมเลย นึกได้ว่ามุมนี้นางแบบของเราสวยก็กดถ่ายแบบไม่คิดอะไรมาก อย่างไรก็ตาม ภาพนี้ก็เป็นหนึ่งในผลงานที่มีไม่กี่ชิ้นที่ถูกใจประทับใจผมที่สุด
              Medih C.Rozenkroy            

25540610

My Summer Life at Punt-Nguen

It's just My Breakfast

ชีวิตช่วงฤดูร้อนและสงกรานตร์ที่ผ่านมา ~ นั่งนึกๆดู โอ้วว เยอะเหมือนกันแฮะ

เริ่มตั้งแต่กลับไปช่วยแม่ทำงานที่ร้านตามปกติ ครีเอทรายการอาหาร ทำอะไรตกแต่งร้าน เก็บบ้าน มหกรรมซักผ้าสามัคคี ฯลฯ ช่วงนั้นอารมณ์ดีแม้จะโดนวีนบ้างก็ยังทำงาน กินข้าว นอนหลับได้
ไปงานแต่งเจ้โอด้วย(ญาติห่างๆที่สนิทๆกันแล้ว เอ๊ะ!! ยังไง)


      เข้างานพรมแดงกะน้องสาว ....                                                   แม่เจ้าสาว  เจ้าสาว เจ้าบ่าว
                                                                             เด็จป้อ เด็จแม่  พี่สาว  น้องสาว  ...ลูกสาว?



และ ลูกชายของผมเอง "กัซเบล" อายุอานาม 4 เดือน!!

ถ่า....ด่า.....



แล้วก็เริ่มหักเหกลายเป็นอารมณ์เสีย อคติบ่จอยกับเรื่องงี่เง่าๆของคนในบ้าน ขี้เกียจเอ่ยถึง รำคาญ....
ทำเรื่องน่าเบื่อๆที่ต้องสะสางให้เสร็จหลายสิ่งหลายอย่าง เดินหนังสือ ทำงาน แอดดรอปวิชาที่ช่วยดึงเกรด บลา บลา บลา และลืมเจอสาริยาที่อุตส่ามากรุงเทพฯ (อันนี้เสียใจมาก)

ชีวิตแม่งก็วุ่นวายตลอด ไหนจะปาล์มออกจากร้านมาแล้ว ~ มาหางานทำเอง เพราะรำคาญอิเจ๊ที่ชอบใช้ แม่ก็ไม่ฟัง มัวแต่โอ๋เจ๊อยุ่ได้ เรื่องเปื้อนสี ตีไข่เลอะ เปรอะคราบไฟเต็มไปหมด เบื่อจะเคลีย ละเหี่ยหัวดอ

ล่าเหยื่อดีกว่าแม่ง.....

25540508

อะไรเอ่ย

1.มีขนาดใหญ่กว่าความกว้างฝ่ามือ
2.มีขนาดไล่เลี่ยกับขนาดความยาวของฝ่ามือ
3.เมื่อกำมือให้แน่น มักจะใหญ่เกินมือนั้นนิดหน่อย
4.ขนาดของสิ่งนั้น มักจะไม่แปรผันตามตัวเจ้าของเสมอไป บางคนตัวใหญ่ แต่...เล็ก บางคนตัวเล็ก แต่....นั้นใหญ่
5.เมื่อถูกกระตุ้นโดยสิ่งเร้า จะเกิดอาการตอบสนองอย่างรวดเร็ว
6.เมื่อสิ่งเร้าเข้ามารุกแบบหนักหน่วง จะเก็บอาการไว้ไม่ได้ คนรอบข้างจะสังเกตเห็นได้ชัด
7.มีน้ำคอยหล่อเลี้ยงอยู่ตลอดเวลา และน้ำที่ว่าจะผ่านเข้า -ออก อยู่เป็นประจำ
8.ชอบเอาสิ่งที่ว่านี้ไป "ใส่"อยู่กับคนอื่นอยู่เสมอๆ
9.คนรอบข้างที่ถูกสิ่งนั้น "ใส่" จะรู้สึกอาการชื่นชอบและต้องการถูก "ใส่" อยู่ซ้ำๆจนไม่อยากเลิก
10.สิ่งที่ว่านั้นไม่สามารถเปิดเผยในที่สาธารณชนได้
11.หลายคนยอมตายเพื่อจะได้เอาสิ่งนั้นมา "ใส่" ไว้กับตัวเอง
12.หลายคนต้องตาย เพราะเอาสิ่งนั้นมา "ใส่"ไว้มากเกินไป
13.แต่สุดท้ายจะมีคนเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะได้เป็นเจ้าของสิ่งๆ นั้นและจะถูกมัน "ใส่" แต่เพียงผู้เดียว 

สิ่งนั้นคือ ..........."หัวใจ" ไงล่ะ

...คงไม่ได้แอบคิดลึกใช่ป่ะ หุหุหุ

...วันนี้คุณได้ "ใส่ใจ" ให้กับคนที่คุณรัก และ รักคุณหรือยัง

25540503

Onerepublic - Secret lyrics

 ~ ลองแปลเนื้อเพลงกะเขาดู มันก็ยากเอาการนะเนี่ย >_<





I need another story, something to get off my chest
ฉันมีเรื่องบางอย่าง เรื่องที่อยากจะให้มันออกไปจากอกของฉัน

My life gets kinda boring, Need something that I can confess.
ชีวิตของฉันนั้นค่อนข้างน่าเบื่อ ต้องการบางสิ่งที่ฉันสามารถสารภาพมันออกไป

Till all my sleeves are stained red, From all the truth that I've said.
จนกระทั่งแขนเสื้อของฉันมันเปื้อนสีแดงฉาน หลุดจากความความจริงที่ฉันได้พูดไป

Come by it honestly I swear.
มันออกมาอย่างซื่อสัตย์ ฉันสาบาน

Thought you saw me wink, no. I've been on the brink, so.
เธอคงคิดว่าฉันยังขยิบตาให้เธอได้ ไม่ ฉันมาถึงจุดสุดท้ายแล้วล่ะ ดังนั้น


[Chorus]
Tell me what you want to hear, Something that were like those years
บอกฉันสิ ในสิ่งที่คุณอยากจะฟัง บางอย่างที่มันเหมือนกับหลายปีๆที่ผ่านมา

Sick of all the insincere, So I'm gonna give all my secrets away
(ฉัน)เบื่อหน่ายเต็มทีกับการปลิ้นปล่อน ดังนั้น ฉันจะทำให้ความลับของฉันหายไป

This time, don't need another perfect line
เวลานี้ ไม่ต้องการคำพูดที่สมบูรณ์แบบ

Don't care if critics never jump in line
ฉันไม่สนใจหรอกถ้าใครๆไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉันพูด

I'm gonna give all my secrets away
ฉันจะทำให้ ฉันไม่มีความลับอีกต่อไป


My god, amazing how we got this far.
พระเจ้า ไม่น่าเชื่อว่าเราจะมาได้ไกลถึงขนาดนี้

It's like we're chasing all those stars, Who's driver shining big black cars
มันเหมือนเรากำลังไล่ตามดาวเหล่านั้นอยู่  ท่ามกลางท้องฟ้ายามราตรีที่กำลังผ่านไป
(น่าจะเป็นคำเปรียบว่า รถที่ทอประกายสีดำคันใหญ่เป็นท้องฟ้ายามค่ำคืน ~ )

And everyday I see the news, All the problems that we could solve
และทุกๆวันฉันเห็นข่าว ทุกๆปัญหานั้นเราสามารถแก้ไขได้

And when a situation rises, Just write it into an album
และเมื่อสถานการณ์เกิดขึ้น ได้แค่เพียงเขียนมันลงในสมุด


Singing straight, too cold
การร้อง(พูด)มันตรงๆ มันเหน็บหนาวเกินไป

I don't really like my flow, no, so
ฉันไม่ชอบการแถไถของฉันจิงๆ

[Chorus]

Oh, got no reason, got no shame
ไม่มีเหตุผล ไร้ความละอาย

Got no family I can blame
ไม่มีครอบครัวที่ฉันสามารถที่ตำหนิได้

Just don't let me disappear
อย่าปล่อยให้ฉันหายไป.

I'mma tell you everything
ฉันจะบอกคุณทุกสิ่งทุกอย่าง


Credit : Dict.longdo.com และ google.com ที่ช่วยแปลและสรรหาคำที่มันลงตัวให้

25540427