Me : MediH

Play your unstable Life game

25531231

สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๔

  ~   กาลเวลา ล่วงมา ลาปีเก่า                  ขอโศกเศร้า ลับพลัน ทันปีใหม่
ฟ้าใหม่มา ขอน้ำตา แห้งเหือดไป             ให้คนไทย สยบทุกข์ สุขร่มเย็น

  ปีกระต่าย ให้นิ่ง อย่าชิงตื่น                     อย่าระรื่น แตกตระหนก ตกยากเข็น
ไม่ตื่นตูม สติมา ปัญญาเป็น                      ใจร่มเย็น เห็นสุข ทุกผู้ไป

  ยามยากมาอย่ามัวโกรธโทษลิขิต           ตรองสักนิดผิดชอบคำตอบไหน
เลิกจองเวรสร้างบาปสาปแช่งใคร             สงบใจอย่าให้ทุกข์รุกครอบงำ

  แน่วจิตได้กายสงบกลบกิเลส                   ไร้อาเพศ กวนก่อ ก็ชวนขำ
จงปลอดทุกข์สนุกสนานทุกการกรรม         มอบยิ้มนำฉ่ำใจให้ยินดี

                            



 สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๔ ครับ มีความสุขกันมากๆ สุขภาพกายและใจแข็งแรงดี มีเงินใช้ไม่ขาดมือ ที่สำคัญอย่าลืมแบ่งปันความสุขให้เพื่อนร่วมโลกทุกชีวิตด้วยนะครับ

25531220

ข่าวลือ

เสียงลือข่าวเล่าอ้าง     ของใคร  เล่าเอย
เสียงถ้อยลือแพร่ไป    ทั่วหล้า
ติโทษพรายภูติเผย      บอกต่อ แน่ฤา     
โอษฐ์คนแหละที่อ้า     อย่าโทษ อื่นไกล

 - Medih C.Rozenkroy

25531202

เหงาๆ

Smiley ราตรีมืด ดวงมาภา ดาราหงอย Smiley
Smiley น้ำค้างน้อย ร่วงทิ้ง ยิ่งชวนเหงา
Smiley แว่วลมลิ่ว ปลิวเรื่อย เอื่อยใจเร
Smiley กมลเทา เศร้าสร้อย ทุกถ้อยที
Smiley ยามลำพัง นั่งคิด จิตหวั่นไหว
Smiley เฝ้ารอใคร สักคน ที่ห่วงหา
Smiley แต่ไม่นาน กาลผัน ลั่นทิวา
Smiley จรัสจ้า นภาใส ให้ยินดี


เหล่าดวงดาว ควรคู่ ผืนฟ้า
เช่นหมู่ปลา ควรคู่ น้ำใส
ความรักนั้น ควรคู่ หัวใจ
ความเสียใจ ควรคู่ หยดน้ำตา
Smiley...หากดวงจันทร์ จับคู่ กับผืนฟ้า
Smiley...หากดารา ไม่ควรคู่ นภาไหน
หากความรัก ไม่ใช่คู่ ของหัวใจSmiley
ความเสียใจ ก็ควรคู่ ให้จดจำ

ความเหงามักเข้ามาอยู่ในหัวใจ แต่ไม่นานหรอกครับ - - ปรัมปรา

25531128

เมดิชวิจารณ์ สามสาวทรามทราม

28/11/2010

     วันอาทิตย์สุดท้ายของเดือน...กับอากาศที่แสนสดใส แดดเปรี้ยงๆสมกับเป็นฤดูหนาว...ทว่าอากาศดันไม่หนาวอย่างเคย เมดิชได้มีโอกาส(กึ่งบังคับ)ไปชม "สามสาวทรามทราม" ละครเวทีผลงานของ Polkadot Production และดรีมบอกซ์ที่ Bluebox Studio ชั้น2 M Theatre ถนนเพชรบุรีตัดใหม่


รูปโฆษณาละครเวที "สามสาวทรามทราม "


เหตุที่ได้ไปดูก็เพราะอาจารย์วิชาศิลปวิจักษ์ที่เราลงเรียนอยู่นั่นแหละ หนึ่งเนื้อหาในศาสตร์แห่งศิลป์นั้นก็คือการแสดง จึงต้องไปสัมผัสรสชาติของการแสดงของจริงกันซะหน่อย

 นัดกับโบ[เลดี้ของเรา...คือ...เพื่อนที่ลงเรียนด้วยกัน] 11.00 น. และออกเดินทางด้วยรถโดยสารไปลงสวนจตุจักร(เพราะมัวแต่โม้จนเลยป้ายเซนทรัล ลาดฯ) และเดินทางต่อด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินลงสถานีเพชรบุรี มุ่งสู่ทางออกที่ 3 อย่างรวดเร็ว...ก้มดูนาฬิกายังไม่เที่ยงก็เลยเย็นใจ เดินไปป้ายรถเมล์ที่ใกล้ที่สุด ด้วยความที่ไม่เคยมาแถวนี้ หลงทิศและข้อมูลการเดินทางที่มีน้อยนิดจึงกระโดดขึ้น 206 [ฟรี] โดยง่ายดายเพราะจำได้ว่ามันถึงแน่นอน... ทว่า นั่งได้ซักพักชักจะยังไง ๆ เพราะเหมือนกับมันพาวิ่งกลับม.เกษตร ฯ !! สองชีวิตเลยกระโดดลงจากรถเมลล์ฟรีทันทีที่หน้าสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินศูนย์วัฒนธรรมฯ

ระลึกชาติและคลำทางกันอยุ่ 2 นาทีจึงทำการประมวลข้อมูลใหม่พบว่า อืม...นั่งผิดฝั่ง ว่าแล้วก็ข้ามฝั่งไปขึ้นรถเมล์ฝั่งตรงข้ามอย่างเร็ว [แวะ 7-11 ซื้อของกิน...เกร็งมากเพราะทั้งเซเว่นมีแต่กระเทยตัวใหญ่ๆเสียงใหญ่ๆหัวเราะแบบโจรใต้ เต็มเลย...มันสาขาอะไรวะเนี่ย] ขึ้น ปอ.206 มาถึงเป้าหมายเวลาเกือบบ่ายโมง เป็นการผจญภัยของคู่หูคู่เอ๋อที่สนุก ฮาและร้อนแดดจริงๆ รวมกลุ่มกับเพื่อนๆน้องๆและอาจารย์เสร็จก็เข้าชมละครอย่างว่าง่าย โดยที่ก่อนเข้าไปพี่ ๆที่เก็บตั๋วจะแจก "ไข่" ให้คนละ 3 ใบ (ไม่ใช่ไข่จริงๆหรอกแต่เป็นไข่ของเล่นสมัยก่อนที่หยอดเหรียญแล้วหมุน ๆ ๆ ๆจนไข่ตกลงมาแล้วก็แกะดูว่าได้อะไร) ซึ่งเอาไว้ลงคะแนนโหวตในตอนท้ายเรื่อง

ใบปลิวของละครเวทีเรื่องนี้




ตั๋วเข้าชมละครเวทีของผมกับโบครับ



"สามสาวทรามทราม" บอกเล่าเรื่องราวความคิดของมนุษย์ในสังคมผ่านตัวละครทั้ง 3 ได้แก่
"เปิ้ล" หญิงสาวที่ฉลาดเลิศไหวพริบดีมีความสามารถและได้ดิบได้ดีจากการหลอกลวงเพื่อนมนุษย์
"นวล"หญิงสาวที่รักและชื่นชอบการเดิมพันทุกชนิดในชีวิต และ
"แอน"หญิงสาวผู้โง่เขลาเบาปัญญาช่างเพ้อฝันและติดละครน้ำเน่างอมแงม ที่จะมาบอกเล่าเรื่องราว"ทรามทราม"ในชีวิตของพวกเธอโดยมี"ประธานสภาสัมภเวสี"ทำหน้าที่คล้ายกับพิธีกรให้แก่"สมาชิกสภาสัมภเวสี"ซึ่งก็คือผู้ชมทุกท่านที่จะต้องพิจจารณาและตัดสินว่า ใครต้องตกนรกและใครจะได้ขึ้นสวรรค์ 

 ระหว่างที่สามค่อยๆเผยเรื่องราวขณะมีชีวิตของพวกเธอให้เราฟัง(และชม)อยู่นั้น ผู้ชมจะค้นพบว่าละครเวทีเรื่องนี้ได้บอกเล่าความจริงที่มีอยู่จริงในสังคม เรื่องราวของแต่ละคนที่นับได้ว่าเป็นบาป ความผิด ความทราม ถูกลดทอนระดับความเลวร้ายด้วยการยกเหตุผลนานาประการที่ร่วมกับถ้อยคำที่ชวนให้คล้อยตามว่าสิ่งที่พวกเธอทำลงไปนั้น "ไม่ผิด"

คล้ายการเสียดสีและสะท้อนสังคมบนโลกเรา เมื่อใครสักคนได้พลั้งพลาดทางความคิดและลงมือทำในสิ่งที่ผิดลงไปแล้ว พวกเขาเหล่านั้นก็มักจะหยิบเหตุอ้างผลของการทำชั่ว ๆของตนเอง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยภายในอย่างความคิด สติปัญญา ความมั่นคงของจิตใจ หรืออ้างด้วยปัจจัยภายนอกเช่นสภาพแวดล้อมที่อยู่ สังคม สื่อ เหตุการณ์ กรรมพันธุ์ จังหวะของสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ที่ก่อกำเนิดการทำบาปรูปแบบต่างๆขึ้นมา และแน่นอนว่าแต่ละคนนั้นจะมีการอธิบายเหตุผลของการกระทำทราม ๆของพวกเขาอย่างสมเหตุสมผลไม่ต่างจากที่เปิ้ล นวลและแอนทำเลย

ในตอนท้ายของเรื่องเมื่อสามสาวเล่าเรื่องราววุ่นๆของพวกเธอขณะมีชีวิตจบลง สภาสัมภเวสีหรือผู้ชมก็จะต้องพิจจารณาและโหวตตัดสินว่าจะให้พวกเธอตกนรกหรือขึ้นสวรรค์ นอกจากจะให้ผู้ชมมีส่วนร่วมแล้วก็เปรียบเสมือนทัศนคติของสังคมโดยรวมบนโลกแห่งความเป็นจริงที่มองดูและตัดสินการกระทำของพวกเธอทั้งสามว่าดีหรือไม่ดี รวมทั้งวิพากษ์ วิจารณ์ในแต่ละการกระทำว่าดีไม่ดีอย่างไร

สภาสัมภเวสี(ของรอบนี้)


   เสน่ห์ของการเล่าเรื่องที่ผมชอบคือการหยิบยกเรื่องราวน่ากลัวต่างๆ อย่างความตาย ความผิดบาปทางศีลธรรม ความงมงาย มาเล่าให้เราฟัง โดยใช้การเรียงถ้อยร้อยคำพูดใหม่ให้เรื่องเหล่านั้นกลายเป็นเรื่องตลกชวนหัวเราะ ผสมกับการเล่าด้วยน้ำเสียงที่สื่อให้ถึงอารมณ์ตัวละคร และผสานกับการแสดงการทำท่าทางประกอบต่าง ๆของนักแสดงทุกคน ทำให้เรื่องราวดำเนินไปอย่างน่าติดตาม สนุกสนานระคนความหดหู่ จนคนดูหัวเราะออกมาแม้ว่าในก้นบึ้งหัวใจลึก ๆจริง ๆจะรู้สึกไม่ดีกับสิ่งที่พวกเธอทั้งสามได้กระทำลงไป 

เมื่อถึงเวลาที่สภาฯ จะต้องพิพากษาโทษ ผู้ชมจะต้องเค้นความคิดเพื่อที่จะตัดสินใจ เกิดความขัดแย้งภายในจิตใจและกลไกทางความคิดระหว่างสิ่งที่ถูกต้อง สิ่งที่ผิดบาป บวกลบกับความรู้สึกสงสาร ความเห็นใจ หักล้างเหตุผลกลั่นกรองกระทั่งได้คำตอบที่เป็นเพียงการหย่อนไข่ลงในกล่องตัวเลือก

Q : คิดอย่างไรกับละคร ?
A : เป็นเรื่องที่บอกเล่าความจริงของสังคมได้อย่างสร้างสรรค์และนำความตลกร้ายมาเล่นได้อย่างน่าสนใจ

Q : นักแสดงเป็นไงบ้าง ?
A : นักแสดงเก่งมาก การเล่าเรื่องนั้นมีการพูดถึงตัวละครประกอบตัวอื่นๆอีกทว่าผู้แสดงกลับมีเพียงไม่กี่คน นักแสดงคนเดียวต้องดึงบุคลิกของตัวละครทั้งตัวหลักและตัวประกอบ แสดงลักษณะบุคลิกนิสัยเฉพาะตัว ผ่านท่าทางและน้ำเสียง นอกจากนี้ยังต้องสื่ออารมณ์ของตัวละครนั้น ๆ ออกมาโดยที่คนดูไม่งง

Q : ชอบตัวละครตัวไหน? เพราะอะไร?
A : ผมชอบตัวละครทั้ง 3 ตัวเลย เพราะแต่ละคนมีความเป็นเอกลักษณ์ในบุคลิกและความคิด มีมุมมองของตัวเองที่แตกต่างจากคนทั่วไป และแน่นอนที่สุดคือพวกเธอมีความสุขในสิ่งที่ตัวเองทำ(แม้ว่าจะไม่รู้ตัวว่าที่ทำอยู่มันผิด)

Q : แล้วคุณตัดสินอย่างไร?
A : ผมโหวตให้ลงนรกทั้ง 3 คน

Q : ทำไมล่ะ ?
A : เพราะความผิดบาปของทั้งสามคือความจริงที่ต้องได้รับอยู่แล้ว หากยอมรับไม่ได้ก็คงไม่ต่างจากพวกเธอที่จะต้องสรรค์หาเหตุผลมาอ้างเพื่อให้ตนพ้นผิด
กรณีของเปิ้ลคือคิดเข้าข้างตัวเองมาเสมอว่าตัวเองทำถูกแล้ว เข้าใจว่าตนความดีช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ เป็นการยกให้ตัวเองเป็นศูนย์กลางและคล้ายการหลอกตัวเอง 
นวลที่รู้ทั้งรู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่ไม่ดี บาปแต่ก็หักห้ามใจไม่ได้แม้ว่าจะลังเลใจอยู่หลายครั้งสุดท้ายเธอก็ปล่อยให้ตัณหาเป็นผู้ชนะ

ส่วนแอนสาวสมองช้าปัญญาทึบที่ถูกคนรอบตัวดูแคลนและถูกครอบงำทางความคิดด้วยละคร ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับสิ่งที่เพ้อฝันจนถูกหลอกเป็นเหยื่อของคนอื่น หลายคนอาจจะเห็นว่า "ความโง่เป็นสิ่งที่ช่วยไม่ได้" แต่ผมกลับมองว่า "ความเขลานั้นถือเป็นต้นกำเนิดแห่งบาป" เพราะความโง่เขลานั้นมีอานุภาพทำให้เราไม่สามารถแยกแยะได้ว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นควรหรือไม่ จะมีใครเดือดร้อนมากน้อยแค่ไหน อย่างในละครเรื่องนี้เหตุที่เธอต้องมีบาปติดตัวเพราะฆ่าผู้อื่นและตนเอง(แม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจก็ตามที)

Q : แล้วคุณคิดว่าตัวเองจะถูกตัดสินอย่างไร กับสิ่งที่ทำเมื่อครั้งยังมีชีวิต ?
A : ลงนรกอยู่แล้วสิ ความดีและความเลวมันไม่ได้หักล้างกันซะหน่อยส่วนใครส่วนมันนะ ยอมรับในสิ่งที่ทำลงไปเพราะยังไงเราทุกคนก็ล้วนมีเหตุผลในทุกการกระทำ จะดีหรือชั่วนั้นมันก็อยู่ที่มุมมองเหมือนๆกับที่สามสาวพยายามเล่าให้คุณฟังในมุมมองที่แตกต่างนั่นแหละ



Q : ประโยคไหนในเรื่องที่ชอบ?
 A : "She so stupid, She a buffalo ...but she can ไถนานะคะ",  "147", "เหรียญล้านช้าง" ...ชอบเยอะเลยแต่นึกไม่ออกอ่ะตอนนี้

Q : สุดท้ายละ ละครเวทีเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า....?
A : คนจะเลวก็มักจะมีเหตุผลในการทำความเลวของตัวเอง จนสุดท้ายก็ไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นคนเลว  


ซักวันเราคงพบกันที่สภาฯ
(by)  Medih C.Rozenkroy

25531124

So if you think u cant Dance

So you cant dance?
Not at all, not even one step.

How you can say that you're taken any trouble to live when you won't even try to dance...

Dance is music made visible
Dance is the world's most famous metaphor
Dance is silent poetry
Dance is mother of arts
Dance is the hidden language of the soul
Dancer are th athletes of god
Nothing is more revealing than dance.
Dancing is dreaming with your feets
Dance to express, not to impress
Dance like nobody's watching
Dance first, Think later... It's the natural order
Let the music move your body
All it takes is to covince your mind to move your friend

No one can arrive from being talented alone. God gives talent, work transforms talent into genius."(- Anna Pavlova)

To touch, to move, to inspire this is the true gift of Dance.
Everyone can dance, The only way to do it is to belive in yourself and do it

Chemistry 23-11-2010

Date : 23112010      Subject : General Chemistry

เรียนเคมีวันนี้มีอะไร "ชวนคิด" มากกว่าที่คุณจะจินตนาการได้...
ผมกำลังพูดถึงอะไรน่ะเหรอ .... อ้อ ก็ไม่มีอะไรมาก ก็แค่อยากจะบันทึกเรื่องของวันนี้ไว้เท่านั้นเอง

เคมีทั่วไปวันนี้ ....โดยอาจารย์ เอ่อ ....[ส.จ.]...

  การเรียนก็เหมือนทุกวันแหละ อาจารย์แกก็สอนงึมงำๆเหมือนทุกๆครั้ง แต่วันนี้มี่อะไรบางอย่างที่ต่างออกไป... นั่นคือ อาจารย์เป็นหวัด ละมั้ง เพราะเวลาสอนไปสักพัก อาจารย์ก็จะหายใจเข้าแรงๆ บางทีก็สูดอากาศเข้าทางซอกฟัน คือยิงฟันแล้วสูดลมเข้าปอดผ่านทางช่องปากนั่นแหละ เสียงมีนจะดังออกไมค์ [ซี้ดดด...] หรือ [ฟึดดด...]

เนื้อหาบทเรียนที่เราเรียนกันอยู่คือ บทที่2พันธะเคมี เรื่อง "ชนิดแรงระหว่างโมเลกุล"  พูดถึงแรงแวนเดอร์วาลส์ (Van der waal force) พันธะไฮโดรเจน (Hydrogen bonding)
พอเอาอาการของอาจารย์รวมกับเนื้อหาของวันนี้เลยให้บรรยากาศในการเรียนเปลี่ยนไป...

"แรงเมืองหลวงของประเทศอังกฤษ(เอ่อ....แกเล่นมุข มันคือ"แรงลอนดอน"ครับ) เป็นแรง  ฟึดดด...ดึงดูดระหว่างโมเลกุลที่มีขั้วและไม่มีขั้ว ฟึดดด..."
"พอมีแรงจากขั้วลบและขั้วบวก ฟึดดด... โมเลกุล 2 ตัวนี้ก็จะดูดกัน ฟึดดด... แต่ดูดกันไปซักพักมันก็จะเลิก ฟึดดด... ดูดนะคะ"
"รูปร่างโมเลกุลที่ยาวๆ ซี้ดดด... จะมีการสัมผัสกันมากกว่า ก็จะซี้ดดด... ดูดกันมาก และมีจุดเดือดสูง"
"โมเลกุลของสาร 2 ตัวนี้มันจะจุ๊บกันเบาๆแล้วก็แยกกันน่ะคะ ซี้ดดด..."
"พันธะโควาเลนส์จะ ซี้ดดด... แข็งแรงกว่าพันธะไฮโดรเจนนะคะ ซี้ดดด..."

นั่งฟังทั้งคาบ รู้สึกเหมือนอาจารย์เสี้ยนยาพิกลๆแฮะ... *-*
แต่ในที่สุดก็จบบทที่ 2 ซะที ^___^ เฮ้ ~

25531117

Trendy BB [Grik !!]

ณ มหาวิทยาลัยสหสรรพสัตว์แห่งหนึ่ง สัตว์น้อยใหญ่ต่างพากันไปเรียนเพื่อหาความรู้ บางตัวก็ไปเพราะบิดรมารดาจ้างให้มา บางตัวก็มาเพราะไม่รู้จะไปไหนทำอะไร G-Gee สาวน้อยตัวเล็กสายพันธุ์"เพลี้ยอุกาบาต"ได้นั่งคุยกับเทรนดี้ไอดอล"ละมั่งยันฮี"เพื่ออัพเดทข่าวคราวและเหตุการณ์ทั่วไป

G-Gee : บลิ้ง!
Blink : หื้ม ?
G-Gee : วันก่อนอะ ชั้นเจอแพะภูพานตัวนึงหล่อเริ่ดมากเธอ
Blink :  จริงเหรอ? อยู่มหาลัยเราเหรอ?
G-Gee : (พยักหน้า) น่าจะใช่นะชั้นว่า...อืม แต่ไม่รู้ว่าเขาแกล้งเชยรึเปล่านะ
Blink : เอ๊ะ!? แกล้งเชยอะไรยะ จะเล่าก็เล่ามาอย่าอั้นอย่ากั๊กไว้เหมือน....
G-Gee : เหมือน....?
Blink : เออ ช่างมันเถอะ เล่าต่อดิ...
G-Gee : ก็ชั้นเดินเข้าไปหาเขาแล้วก็ถามว่า ขอ PIN BB ได้ไหม?
Blink : แวร้งงงง!!!~ หน้าด้านมาก ไม่น่าเชื่อว่าหน้าเพลียๆซีดๆแบบเธอจะกล้าเดินไปขอ...
G-Gee :  ....
Blink : เอ่อ ... ป่าว ชั้นก็แค่เปรียบเปรยอ่ะ อย่างอนดิจีจี้ ~ อ่ะ ว่ามาซิว่าได้มามั้ย
G-Gee : ไม่ได้อะดิ...เขามองหน้าชั้นแล้วก็บอกว่า "ไม่มีครับ"
Blink : อี๋ยยย์ ~ อะไรอ่ะ เขาไม่กินชะนีรึป่าว
G-Gee :  ชั้นก็ไม่ใช่ชะนีนะบลิ้ง...ชั้นเป็นเพลี้ยอุกา...
Blink :  อ่ะ จ๊ะๆ ชั้นก็ลืมไปว่าเธอเป็นเพลี้ยอิมพอร์ท ไม่เป็นไรน่า
G-Gee : เขาก็ผู้ชายอะแหละ แต่ไม่ได้ใช้ BB อะ
Blink : อ่านะ ~ ถ้าไม่มี BB ก็คุยกันยากสิ...แถมไม่เทรนดี้ด้วย คบไปก็ปวดหัววะแก 
G-Gee :  อืม ชั้นก็ว่า...(Grik!! [เสียงBB] ) อ๊ะ !

จีจี้หยิบบีบีสีชมพูสดใสสวยงามอร่ามตาขึ้นมาอ่านข้อความ...  ไม่นานเธอก็บรรจงกดข้อความตอบกลับไปอย่างคล่องแคล่ว...

Blink : ใครอ่ะ ?....
G-Gee :  ฮยอน ยอน...มันกำลังหาที่จอดรถ
Blink : บอกมันว่าที่จอดรถอาจารย์เยอะแยะไปจอดเลย
G-Gee : อืม...

 ~ Grik!!...คราวนี้เป็นของบลิ้ง ละมั่งยันฮีก้มลงกดบีบีตอบข้อความเช่นกัน ขณะเดียวกันค่างแว่นมองโกลก็เดินทางมาถึงพอดี หล่อนยืนมองเพื่อน 2 ตัวของหล่อนนั่งกดบีบีอย่างสนุกสนาน

Hyon-yon : นี่พวกแกทำไรกันเนี่ย !
Blink : (เงยหน้า) อ้าวอีหยอง กูก็นึกว่ามึงหาที่จอดรถอยู่
G-Gee : (เงยหน้า) ดีจ้าฮยอน ยอน (ทำตาโตแก้มป่องปากจู๋ ชูสองนิ้วแนบแก้ม)
Hyon-yon : ดีจ้า ~ นี่มันจะบ่ายแล้วไปเรียนกันเหอะ (ฮยอนยอนออกปากวชวนให้ทั้งคุ่ลุกขึ้น)
Blink : เออใช่...ลืมเวลาไปเลยนะเนี่ย

และแล้วทั้งสามก็เดินไปเรียนด้วยกันโดยมีบลิ้งเล่าเรื่องของจีจี้ให้ฮยอน ยอนฟัง เมื่อถึงห้องเรียนทั้งสามจึงนั่งลงที่ประจำของตัวเองและสนทนากันต่อ

Hyon-yon : เห่ยวะ ~ แค่บีบีไม่มีใช้ แล้วจะทำอะไรได้วะเนี่ย
Blink :  นั่นเส่ะ เชยก็เชยนะ น่าเบื่อด้วย
G-Gee : อืม....[Grik!!] (ก้มลงตอบบีบี)
Blink : แต่ก็นะ...ฮยอนดูตลิปที่ส่งให้มะคืนรึยัง
Hyon-yon : ยังอ่ะ ทำไมเหรอ
Blink : โห~ก็ชั้นส่งคลิปเสียงอีตาเมื่อม จิ้งจกนายแบบหน้าใหม่ ที่มันด่านักข่าวว่ายุ่มย่ามเรื่องส่วนตัวไง
Hyon-yon : อ๋อ เออๆ ชั้นก็อยากได้เหมือนกัน เดี๋ยวนั่งฟังแล้วมาเมาท์กัน [Grik!!](ก้มดูข้อความในบีบีสีดำอย่างหรู ...ยิ้มนิดหน่อยแล้วกดพิมตอบกลับไป)

G-Gee : อาจารย์สอนไม่ค่อยรู้เรื่องเลยเนอะ [Grik!!]...(ก้มลงตอบบีบี)
Blink :  [Grik!!]...(ก้มลงตอบบีบีก่อนแล้วเงยหน้าขึ้นมาตอบ) เออ...บ่นอะไรอยู่ได้
Hyon-yon : [Grik!!]...(ก้มลงตอบบีบี) ก็นะ...แกสอนข้ามไปข้ามมา ...กุงงหมดละเนี่ย [Grik!!]
G-Gee : [Grik!!]...(ก้มลงตอบบีบี) อีกตั้งชั่วโมงนึงอะ เบื่อชะมัด[Grik!!]...(ก้มลงตอบบีบี)
Blink : [Grik!!]...(ก้มลงตอบบีบี)
Hyon-yon : [Grik!!]...[Grik!!] (ก้มลงตอบบีบี)

 "ขอโทษนะคะ..." เสียงหญิงสาวดังมาจากด้านหน้า ทั้ง 3 เงยหน้าขึ้นสบตากับชะมดน้ำตื้นตัวหนึ่งที่หันมาเรียกด้วยเสียงราบเรียบ

ชะมดน้ำตื้น : เราชื่อสวยค่ะ คณะการจัดการฯ (ยิ้ม)
G-Gee : ค่ะ...ยินดีที่ได้รุ้จักค่ะ (รับด้วยเสียงแอ๊บแบ๊วน่ารัก) [Grik!!]...(ก้มลงตอบบีบี)
Suay : ใช้บีบีกันนานรึยังคะ
Blink : [Grik!!]...(ก้มลงดูแต่ไม่ตอบ) ก็นานแล้วนะ...ก่อนที่จะมาฮิตกันอีก (ทำสายตาเหยียด)
Hyon-yon : บลิ้ง !~ (เสียงดุ...ก่อนที่จะหันมาพูดกับสวย) ทำไมเหรอคะ

Suay : ทราบวิธีปิดเสียงมั้ยคะ ?
Blink : ทราบค่ะ...คุณสวยปิดไม่เป็นเหรอค่ะ !! [Grik!!]...(ก้มดูบีบีแล้วกดตอบรวดเร็ว)
Hyon-yon : เอ่อ ~ คุณสวยปิดไม่เป็นเหรอคะ ?
Suay : เปล่าคะ สวยไม่ได้ใช้บีบีหรอกค่ะ เพียงแต่...
Blink : ฮ่าๆๆๆ ไปอยู่ไหนมาคะ เดี๋ยวนี้ใครเขาก็ใช้บีบีกันนะ ...รู้จัก PIN มั้ยคะเนี่ย [Grik!!]...(ตอบบีบี)
G-Gee : [>,...,<] ฮะๆ งุงิ ~ [Grik!!]...(ก้มลงตอบบีบี)

ตึง!!!! ปลวกสาวข้างๆสวยกระแทกฝ่ามือลงบนโต๊ะเสียงดัง ก่อนที่จะหันกลับมามองด้วยสายตาไม่พอใจ...[Grik!!] หน้าตาของเธอเหมือนปลวกทว่าเธอแต่งหน้าเข้มจัด[Grik!] กรีดตาเข้มและบนหัวเธอมีเปลวไฟเรื่อๆ ใช่แล้ว...[Grik!!]...เธอคือปลวกภูเขาไฟที่แต่งตัวเปรี้ยวเข็ดสะเด็ดญาติชนิดไม่เจียมหน้าไม่ดูสารรูปตัวเองเลย[Grik!!]

ปลวกภูเขาไฟสาว : สุภาพไปก็เท่านั้นสวย !!
Hyon-yon : เอ่อ ใจเย็นๆนะคะ เพื่อนเราไมได้ตั้งใจอะค่ะ
G-Gee : ใช่ค่ะๆ [•__•]  .... งุงิ [Grik!!]...(ก้มลงตอบบีบี)
Blink : อะไร อิปลวก !!
Hyon-yon และ G-Gee : บลิ้ง !!!

ประโยคของบลิ้งทำเอาไฟของปลวกสาวลุกพรึบ ความร้อนแผ่ออกมาจนรุ้สึกได้....[Grik!!]
Suay : งั้นโซเฟียก็บอกเองละกันนะ
G-Gee : เอ๋ บอกอะไรคะ ? [^__^"]  [Grik!!]
Blink : อยากจะถามเรื่องราคาบีบีเหรอค่ะ (สายตาเหยียดพร้อมเบ้ปาก) [Grik!!] (ก้มลงตอบบีบี)
Sophia : เปล่าหรอกค่ะ ดิชั้นก็ไม่ได้ใช้บีบีหรอกนะ
Blink : ฮ่าๆๆๆ เหรอค่ะ แต่ไม่บอกก็พอรู้ล่ะคะ ฮ่าๆๆๆ [Grik!!]

Sophia : แค่อยากจะบอกพวกคุณที่แสนเทรนดี้ว่า[Grik!!] ...ถ้ามีปัญญาขนาดซื้อบีบีมาใช้ก็รู้จักศึกษาวิธีปิดเสียงหน่อยนะคะ กลัวผู้อื่นไม่รู้เหรอคะว่าโง่ขนาดปิดเสียงบีบีไม่เป็น [Grik!!] ... อ้อ! แล้วก็ว่างๆนะหัดไปหาหนังสือมารยาทในที่สารธารณะมาอ่านบ้างจะได้รู้จักเกรงใจชาวบ้าน [Grik!!] นี่มันห้องเรียน ไม่ใช่บ้านหล่อน !!

Suay : (มองด้วยสายตาเหยียด...ท่าทีเป็นศัตรูเต็มคราบ) อืมนะ...โง่ขนาดนี้ก็ไม่รู้ว่าจะอ่านแล้วเข้าใจรึเปล่า[Grik!!] อ่านออกรึป่าวยังไม่แน่ใจเลย ยังไงก็ดูแลตัวเองด้วยนะคะ[Grik!!] เสียงบีบีมันรบกวนสมาธิคนอื่นนะคะ อาจจะโดนตีนใครซักคนในห้องนะคะ [Grik!!]

.....หมดธุระแล้ว2 สาวก็เดินออกจากห้องไป [Grik!!] ทิ้งให้เสียงบีบี [Grik!!] ดังลั่นห้องพร้อมกับสายตาสัตว์น้อยใหญ่ที่มองมาที่พวกเธอทั้ง 3.....

จบดีกว่านะ...!!!

 ปล.เพื่อนๆที่ใช้ BlackBerry ทุกคนก็ใช้ให้พอประมาณนะครับ งดเล่นบีบีในบางสถานที่โดยเฉพาะในโรงหนังและในห้องเรียนครับ ผมเจอบ่อยเลยคนที่นั่งกดแบบไม่เกรงใจกัน เสียงก็ไม่ปิด รำคาญมากครับ เดี๋ยวนี้คนก้มหน้าก้มตากดกันจนเหมือนไม่ได้มาด้วยกัน ผมเคยเจอวัยรุ่น 4 คนที่ฮะจิบังราเมน : เซนทรัลฯลาดพร้าว ไม่พูดไม่จาต่างคนต่างนั่งกดบีบีเอาเป็นเอาตายมาก ราเมนก็ไม่กิน -*- แล้วจะมากันทำไมเนี่ย ยังไงก็ให้มันถูกกาละเทศะนะครับจะได้ไม่โดนดูแคลน


By : Medih C.Rozenkroy

สัตว์เลี้ยงของผม

วันนี้จะมาแนะนำสัตว์เลี้ยงที่เมดิช มักจะพาไปเที่ยวด้วยบ่อยๆ
(ทำหน้าโมเอะ...เอ่อ ทำหน้าแอ๊บแบ้วอะ)มาดูซิว่าคุณมีนิสัยเหมือนสัตว์เลี้ยงตัวไหนของผม !!~ อิอิ
  

ชื่อ :  มั้ง (Munk)              เพศ : ไม่แน่ใจ
ชนิด : "สมเสร็จน้ำกร่อย"
ประเภท : เลียงลูกด้วยนมกล่อง
นิสัย : ขี้อาย พูดน้อย ไม่มั่นใจในตัวเองว่าเป็นญาติใครกันแน่ช้างก็ไม่ใช่ หมีก็ไม่แน่ หมูก็ไม่เชิง สีก็ไม่รู้ว่าขาว-ดำ หรือ ดำ-ขาวแถมจะอยุ่น้ำเค็มก็ไม่สะดวก น้ำจืดก็ไม่ได้ ต้องอยู่น้ำกร่อยแบบครึ่งๆกลางๆ ไม่แน่ใจอะไรเลย ไม่กล้าตัดสินใจ กลัวการประชันหน้า โลเลและไขว้เขวง่าย เฉื่อยช้า หลายครั้งที่ตัดสินใจตามเพื่อนๆ และบางทีก็โดนเพื่อนๆหลอก


 
ชื่อ :  Sofia โซเฟีย
 เพศ : หญิง (ที่เริศที่สุด)
 ชนิด : "ปลวกภูเขาไฟ"

ประเภท : แมลงอดทน
นิสัย : มั่นใจเกินร้อย เทรนดี้ตัวเหง้า ใจร้อน อารมณ์ร้อน แม้ว่าลักษณะทางกายภาพจะคล้ายปลวกทั่วไปแต่ต่างตรงที่ตัวสีแดงและมีเปลวไฟที่หัวนิดหน่อย  ชอบด่าจิกแบบถึงพริกถึงเกลือ ตรงไปตรงมา ไม่ชอบให้คนติว่าหน้าตาปลวก(เฉยๆ)เพราะเป็นคนละclassกัน


ชื่อ :  เซื่อง (Sueang)

 เพศ : ชายมาตรฐาน

 ชนิด : "คูปรีสันกำแพง"
ประเภท : สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่มาก
นิสัย : เอื้อเฟื้อ ทนทาน ล่ำถึกบึกบึน ชอบแช่โคลน ใจดี ใจเย็นจนเฉื่อยชา ช้า เซื่อง ไม่ค่อยทันชาวบ้าน ชอบแช่โคลนและซอเคล้าคลอลมที่พัดยามเย็น สุนทรี ไม่มีพิษภัย


  

ชื่อ : บลิ้งๆ (Blink)

 เพศ : ที่สาม
 ชนิด : "ละมั่งยันฮี"

ประเภท : สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสังเคราะห์
นิสัย : รักสวยรักงาม เปราะบาง ชอบพูดชอบเม้าท์ สนใจใคร่รู้เรื่องราวของดารา นักร้องและคนรอบๆตัวในทุกๆเรื่องโดยไม่มีเงื่อนไข หมดเวลาไปวันๆกับการบอกเล่าข่าว ฟังข่าวและเสริมความงามให้ตนเอง มีกำลังทรัพย์มากพอที่จะซื้อบีบีมากดทั้งๆที่ไม่ทราบวิธีปิดเสียงและไม่มีคนจะคุยด้วย เข้าออกคลีนิคศัลกรรมประหนึ่งบ้านพักตากอากาศ คิดว่าเพลงเกาหลีเท่านั้นบนโลกนี้ที่เพราะและทนไม่ได้ที่มีคนวิจารย์ว่าเกาหลีเลียนแบบ และเห็นด้วยกับการที่ชาวไทยเอาตามเยี่ยงอย่างชาติกิมจิ



ชื่อ : จีจี้ (G-Gee)
เพศ : หญิง...น้อยน่ารัก
ชนิด : เพลี้ยอุกาบาต
ประเภท : แมลง-ต่างดาว

ลักษณะและนิสัย : เป็นเพลี้ยจากกาแลกซีดงอิปอบ ตัวขาว ตัวเล็ก กินกลูต้าไธโอนและครีมกวนอิมเป็นอาหาร ชื่นชอบดาราและเป็นเพื่อนสนิทกับบลิ้ง บลิ้ง คิดว่าตัวเองเหมือนโฟร์ชาวโลก (โฟร์-มด) ชื่นชอบเพลงเกาหลีทุกเพลง แพ้ดาราเกาหลีทุกคนที่ศัลกรรมและมีซิกแพค เวลาว่างมักจะบินร่อนไปเที่ยวตามห้างแม้จะไม่มีเงินก็ตามที เชี่ยวชาญด้านการพูดคุยด้วยภาษาอีโมชั่น รักการเที่ยวกลางคืนเพราะเชื่อว่าเมื่อแสงสว่างถูกลดทอนแล้วตัวเองจะสวยขึ้นและเรืองแสงได้

 

 ชื่อ : ฮยอน ยอน (Hyon yon)
 เพศ : ชายมาก่อน
 ชนิด : ค่างแว่นมองโกล
ประเภท : สัตว์เลี้ยงลูกไม่เป็น
นิสัย : ชอบเกาหลีอย่างบ้าคลั่ง รักกิมจิ สนับสนุนการศัลกรรมและการเต้นโคพเวอร์เพลงเกาหลีมาก แต่งหน้าเก่งและมีความสุขกับการออกงานสังคม ชื่นชอบการถ่ายรูประยะประชิด และสนิทกับ 2 ตัวข้างบน




  

ชื่อ : อุ่มกึ๊ก (Umkeuk)

 เพศ : เมีย
 ชนิด : อึ่งทะเลทราย
 ประเภท : สัตว์สะเทือนบกและสะเทือนน้ำ...

นิสัย : รักการกินและทุกอย่างที่ไม่ใช่ของตัวเอง อยากได้ทุกอย่างโดยไม่สนประโยชน์ ไม่สนว่ามีเจ้าของหรือไม่ เต็มใจที่จะกระทำการใดๆก็ตามเพื่อให้ได้มาซึ่งของที่ต้องการ คิดน้อย ใจร้อน ลุกลี้ลุกลนง่าย ขี้กลัวหากถูกตำหนิ และจะติดอ่างเมื่อตื่นเต้น มีน้องสาวต่างพ่อ 1 ตัวชื่อ อุ่มก๊ะ

  
ชื่อ : อุ่มก๊ะ (Umkah)

เพศ : แม่

 ชนิด : อึ่งอะเมซอน

ประเภท :สัตว์สะเทือนสายตา
นิสัย :  นอกจากกินและนอนแล้ว รักการแย่งชิงทรัพย์ทุกประเภทจากผู้อื่น ติดนิสัยชักแม่น้ำทั้ง5เพื่อโน้มน้าวผู้ฟัง แต่ไม่มีใครเชื่อ หากกลัวมากๆจะติดอ่าง และตัวพองเวลาโกรธ มีพี่สาวต่างพ่อ ชื่อ อุ่มกึ๊ก


ชื่อ : สวย (Suay)
เพศ : เพศ-สะ-หยา
 ชนิด : ชะมดน้ำตื้น

ประเภท : สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสะเทินน้ำสะเทินบก
นิสัย : ความอดทนต่ำ ขีวีน ชอบเหวี่ยง ไม่มีอะไรก็เหวี่ยง เถียงเก่ง รักการจิกด่าทุกประเภท ชอบมีส่วนร่วมในการทำร้ายร่างกายแม้จะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลยกับคู่กรณี โวยวายเสียงแบบไม่อายสื่อ เหยียดพวกฟังเพลงเกาหลีและชื่นชอบเพลงสากลที่ใช้พลังเสียงมากๆ เกินความจำเป็น ร้องคาราโอเกะได้หลายชั่วโมงติดต่อกัน



ชื่อ : สีเทา (Se-Taow)

เพศ : ผู้
ชนิด : ไรฝุ่นดาวอังคาร

 ประเภท : เศษ...ที่พิเศษ

 ลักษณะและนิสัย : เดินทางมายังดาวโลกพร้อมเพลี้ยอุกาบาต แต่ถูกลืมบ้าง ถูกเมินบ้าง เลยเรียกร้องควมสนใจด้วยวิธีต่างๆนาๆ เท่าที่จะสรรค์หาได้ แต่ก็ไม่ค่อยมีใครสนใจ มีแต่คนก่นด่าว่ารำคาญ น้อยใจไปโดดน้ำก็ดันไม่จมเพราะตัวเบากว่า ค่อนข้างไร้ค่าแต่ว่าพยายามในการทำตัวเองให้โดดเด่น ซึ่งก็ยังคงโดดเดี่ยวเดียวดายอยุ่เหมือนเดิม ...

 
 ชื่อ : เศษยางคางคก

 เพศ : -
ชนิด : เศษยางคางคก

ประเภท : วัตถุกึ่งขยะ       หมายเหตุ : ไร้ค่า ไม่มีค่า ไม่น่าสนใจ

ชื่อ : ถ่านเปียกน้ำ

เพศ : - 
ชนิด : ถ่านเปียกน้ำ

ประเภท : วัสดุกึ่งขยะ        หมายเหตุ : ไม่มีโทษ และไร้ประโยชน์ด้วย


ปล. ทั้งสิ้นเป็นคำที่กระผมมักจะใช้ติด่าว่าจิกหรือเล่นมุขกับเพื่อนๆน้องๆที่รู้จักกันดี บางครั้งไม่ได้มีเจตนาจะว่าร้ายขนาดเท่าในความหมาย แต่ที่ว่าไปนั้นส่วนมากจะว่าขำๆฮาๆซะมากกว่า อย่าคิดมากกันนะครับ

25531113

Dear my Enemy

Dear my Enemy who used to be my Friends.
I'm so proud when i find out what you really want to do and have done. You show me ashold behavior, sucks idea, ediot words that u bark out and tell everyknow how jerk u are and Bloody shit of ur second nature. U make fisheries clubhouse tobe gambling den or boozer pub or the last holy stupid that i cant belive that u do is make it to be whorehouse for somebody.... it's enougt for me and my friends too. we wont to bear and care how u thinkin what u ask for.

I promise with my soul Who block my way I'll Splash my Snout Horn deep in your throat.
Sucekr Loser SLOB ╭∩╮(︶︿︶) ╭∩╮

25531110

ความรู้ 2 วัน...ฉันจะตาย

เทอมนี้รุ้สึกว่าเนิร์ด ตั้งใจเรียนเป็นพิเศษจังเลย....เข้ามันทุกคาบทุกวิชา ตั้งใจเรียนซะด้วย ....แต่ไม่ค่อยจะรู้เรื่อง เหอๆ

9-Nov-2010
เมื่อวานเริ่มต้นด้วย Drawing ชิวๆขำๆ พอคาบบ่ายเจออินทรีย์เคมีเล่นงานซะอานด้วยบท Alkane ที่เรียนแบบ Intensive เลย ได้อะไรบ้างอะเหรอ ก็ได้การเขียนกลไก
Conformation Isomer แบ่งเป็น
Stagged Comformer คือ อะตอมทุกตัวที่เกาะ C จะอยู่ห่างกันมากที่สุด
Eclip Conformer คือ อะตอมที่เกาะ C ทั้ง 2 ตัวจะเกาะในลักษณะคล้ายกัน(เหมือนกระจกเงา)


ซึ่งการเขียนแผนภาพจำลองออกมาแบบรูปข้างบนเรียกว่า Sawhourse Projection (แบบม้ากระดานหกคืออะตอมคาร์บอน 2 อะตอมจะไม่ซ้อนทับกัน) และในรูปข้างบน H แทนไฮโดรเจนและจุดที่แยกเป็น 3 แฉกก็คือจุดของ C ที่มีพันธะเดี่ยวกับ C อีกตัวนึง
 การเขียน(หรือดู)ภาพจำลองนั้น สามารถเขียนได้อีกแบบคือ Newman Projection (แบบนิวแมนจะเห็นอะตอม C ตัวเดียวซึ่งมันซ้อนทับกันอยู่) 

...สมบัติทางกายภาพของอัลเคน...ก็พวกสถานะของอัลเคน จุดเดือดจุดหลอมเหลว ขั้ว คุณสมบัติของโซ่ตรงและโซ่กิ่ง...และฝึกการแยก-เปรียบเทียบอัลเคนแต่ละตัวตามคุณสมบัติ...

ต่อด้วย...
Wuetz Reaction,
Corey-house syntensis,
Reduction of alkyl halide,
Hydrolysis of Grignard reagent
และ Hydrogenation of Alkene...แบบอัดให้จบภายในคาบ (โฮววววววว)

เล่นเอาเมดิชมึนไปหลายชั่วโมง... ต้องตั้งสติอ่านใหม่อีกรอบ....

10-Nov-2010

เช้านี้เริ่มต้นด้วยการตื่น.... 7โมง โอ้ววว เมดิชทำได้จริงๆด้วย เดินมาเรียนแบดมินตันที่โรงยิมของมหา'ลัย คาบที่สองของเทอมนี้...มาถึงก็ เชิญตีแบดกันเลย ลองตีกัน จับคู่กับน้องๆ ปี 1 ที่ตีแบบบ้าพลังกันมาก กูรู้แล้วว่าพวกมึ....น้องๆเล่นเก่งกัน ตีกันสุดแรงเกิด มีหยอด มีตบ ...คนแก่จะเป็นลม~
ไม่นานอาจารย์ก็นำพี่ๆ 2 หนุ่มมาช่วยสอนเบสิก การจับไม้และการเสิร์ฟลูก... อนึ่งแล้วค้นพบว่าตัวเองเสิร์ฟแบบสากลมาตั้งแต่เด็กแล้ว ถูกต้องตามทฤษฏีการเล่นเลย.... หลงเข้าใจว่าเสิร์ฟแบบที่น้องๆทำกันเป็นวิธีที่ถูกซะอีก... งานนี้ โบ ป้าของเซคชั่นต้องฝึกหนัก เพราะยังตีแบบนั้นไม่เป็น ส่วนลุงของเซคชั่นอย่างเราก็ฝึกการตีด้วยมือซ้ายไปอย่างสนุกสนาน

จบคาบแรก...กลับมาอาบน้ำแล้วก็บึ่งไปเรียน ศิลปวิจักษ์ (Art Perception) เนื้อหาไม่ค่อยซีเรียส เข้าใจง่ายและเป็นกันเอง วันนี้เรียนเกี่ยวกับองประกอบของภาพจำพวกสี แสง เงา รูปร่างที่ใช้ประกอบในการสื่ออารมณ์ให้ภาพของคนที่รังสรรค์ผลงาน เน้นที่การใช้สีคู่ตรงข้าม(ที่มี 12 สี)ตัดกันในภาพทำให้ภาพเด่นขึ้นมาและการเน้นจุดเด่นให้กับส่วนที่ต้องการเน้นในภาพ

และวิชาฆ่าเซียน ตัวสุดท้ายของวันนี้คือ General Chemistry ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมา ทำเอากู F ไป 4 ไม้(16หน่วย) แล้ว.... วันนี้ อ.สุดจิต ก็ยังสอนสไตล์มึนๆและโดดไปโดดมาเช่นเดิม ทว่า...เพิ่มออปชั่นใหม่ คือเร็วขึ้นและสไลด์อ่านยากขึ้น

อ่านยากยังไงน่ะเหรอ .... ตัวหนังสือขนาดเล็ก...เล็กจริงๆ สีดำ ส่วนพื้นหลังคือสีม่วงเข้มเกือบดำค่อยๆไล่สีไปเป็นสีฟ้า โอ้แม่จ้าวววว มองไม่เห็นโจทย์เลย ...

พันธะเคมีวันนี้ ไอออนิกผานไปได้เพราะว่าอ่านนำมาบ้างแล้ว ทว่าพันธะโควาเลนซ์เนี่ยสิปัญหา...พอสอนเรื่องเรโซแนนซ์แล้ว เจ้ทั่นเล่นรวบมาสอน ประจุฟอมอล เลย...รูปร่างโมเลกุล, อันดับพันธะ, ขั้ว พลังงาน,  AXmEn... ยังไม่ทันเข้าใจเลยแต่ต้องทำให้ได้เพื่อที่จะทำ Formal Charge ของอาจารย์...

พยายามทิ้งอคติออกไป...วางทิฐิจะได้เรียนรู้เรื่อง ดันมาอารมณ์เสียกับการเพ่งมองไสลด์สีมืดหม่น...ยังไม่ทันจะอ่านโจทย์ได้พอบรรทัด ก็เปิดไปหน้าอื่น (เพื่อ!!) จากนั้นก็กลับมาหน้าเดิมแล้วสอนต่อเหมือนกับว่าเราจดโจทย์เสร็จกับแล้ว....อืม....หงุดหงิด ปวดหัวที่สุด ชีวิตกระผม

ฟังเพลง นั่งเหม่อ พักสมองซักครู่ ซักพักแล้วกันวะ.... มาปวดไมเกรน เวียนหน้าจะอาเจียน 2 วันติดแบบนี้ไม่ดีแน่นอนเลย ...ตั้งสมาธิดีๆอ่านให้เข้าใจ จะได้เรียนรุ้เรื่อง....

ฮุ้ยยย !!~ เกิดเป็นคนนี่ลำบากลำบนจนอยากตาย ....พอจะตายก็ฟูมฟายอยากมีชีวิตต่อ เอาใจยากจริงๆ

เมื่อครั้งที่ลุงบุญธรรมของปัดยังมีชีวิตอยู่ เขาเคยพูดกับปัดที่กำลังเครียดเรื่องเรียนว่า
"Dont worry, just study"
ช่วยให้ไม่เครียดเรื่องเรียนได้เยอะ....เลย....เหอๆ

25531109

Organic Chem.

Goshh!! My head gonna be explode.

Today I's study about Wuetz reaction, Corey-house syntensis, Reduction of alkyl halide, Hydrolysis of Grignard reagent and Hydrogenation of Alkene .... that just little part of Alkane lession in Organic Chemistry subjet.

What goin on man.... My head round and round right now.....

25531103

A week @Punt-Nguen Cafe

2010 October, 22

Went to my hometown, Nakhonratchasima where have many deluge area nowaday !! Like other Province there still in the flood out trouble.


I Arrived my 3th Home or Punt-Nguen in eveing...Greet Older Sister and mom then looking for someting for snack. I'll stay here for a week. Think about my weight must be raise for sure because of my gluttony.

25531018

[H]oly [B]less [D]ude!!!

[H]oliness
[B]lessing
[D]emon like me^^ ".

OMG !! I'm 23 years old it's come true today!!

Grow up to be elder man is one of kind i never wanna be, but there are thing that no one can escape.

This year i didn't forget to find gifts for myself (Oh! last year, i really forget my birthday becuz of hard work...thx for "Nice" who can remember my BD).

Today I went to TK park and took a walk around Siam paragon area with my friend...his name "Mean". I find that Mean is the one who made me smile and feel serene inside. I find that my eyes alway saw his face negligently and could not stop or control it many times until he said something like what i notice on his face. It's nothing on his face but i love to look in his vivid eyes, his pink lips.

Hey sound like I falling in love?  
Yes,....Why?

When you feel nice with or falling in love with someone, you must say it right away before the moment just passes you by. It must be better if you tell him what do you think or how do you feel with "someone".Forget the answer that will reply back from "someone". It's not important what the answer will be. If you do anything for "someone" by your really heart feeling and "someone" glad to receive everything what you do for him/her.

That's enough!

About 2 hour ago, before i'm 23 years old. I had already tell him how i really feel and ask him about my request.  Yes, the answer is reject.  So what?

I still tinking of him. we still smile and laughing together. feel another one feeling.

That's all about my gift this year. I'd receive SMS from Meloz C.Rozenkroy my younger sister first(Oh, she sent me before 18th Oct. about an hour). and the next one from Zene my ex, (s)he alway take care and remember all about me. poor teenage.I sent any SMS back to ma sis and ma ex. and other SMS to my mom say thankful for everything of my life that she did for me.Thank other people.

On Facebook, Some friends of mine can remember a bit about me. Tar, Sunny, Prae and my first FC "Dew". Becouse i'd hide my birthday profile...easy to see what people think or interested in. On twitter, there are no somebody HBD for me. Oh! just burst on something. Somebody have been tell me he alway remember all of mine never forget. Now I see what he can remember about me ... My birthday is not in his remember haha.

18 Oct 2010 = Hope everybody happy and enjoy the life.

25531013

Twice Blue day

12 -13 Oct 2010  What a twice blue day!!

Yesterday, I woke up and look outside the window.
"Gloomy sky...Thank's god."
Damn...My heart still feeling blue and everything going to be blue like my feeling. Try to happy and smile when see or meet people.

And today, It's still dismal canopy day.
Cloud and rain stay with us today and tonight...it's make me sad from inside.
Blue feeling can make your night so cold and your day so long for you (yes, me too). There is no reason, just the feeling, the bad feeling... it's alway stay with us for long long time.

Hope it will be better. There are pretty nonsense if i make myself sadly all day and try to pretending smile fakery. I would smile from my heart. When people see on my face, they can feel that really my smile. yes, I love to see people happy not be mad or cry.

Anyway, My head thinkin' how to do for get better feeling but my heart still glooming by no reason.
Complicated thing, hard to understand it, Right?

Today i find and save my old picture that ever upload @ any website... Wonder how i have been change from first year. Then when i see myself in the part. Not wonder why people think that i ever do something like plastic surgery. In fact, I never do thing like that....NEVER EVER!! I just lost my weight [about 40 kg. he he he... How ? I don't know how to teach or say....may be i'll tell you later]

Well, I'll upload my picture and tell how to lost my weight @ here later.

25531011

20101011 medih's life

20101011 - Sleepless again.

Lonely night like every night. I love to stay in my life alone but not tonight. just falling in love with someone. Who?...not far away from me.
I never feel sometihing like this before. I think I just like or interested in new younger in my dorm.
He is really engaging guy. friendly, lovely and care everybody feeling around him.
Now, I manage myself to be normal phase My brain come back first for give reason what thing must be. But my heart...It's really restive part of mine. it's make me cant sleep all night.

It's hurt inside when i heared he say he love his girlfriend.  the outside, I pretending to smile like so glad.
My Brian think that nice idea, great thinking ... He love his girl, care and try to honest to her only. He try to get himself away from man who make him in love with .... yes me too.
It never go together.
Thing what we wanna do and thing what we must to do.
Thing what we want it be and thing what it must to be.

I didn't love him and never ever love him.
When i stay with him i feel warm coem from indide of me.
When i see his face my heart beat harder and faster.
When i looking in his eyes i cant control to take my eyes off of him.
When i talk to him or heared something from him i feel so glade and happy.
When he smile to me the whole world stops and stares for awhile.
When he be in my own arm...i want to stop the time for awhile.
I didn't love him never in love with him..., Right?

Anyway, The Earth going on her way everything must be what it must to be.
Our Life going and going...never stop...

25531010

เพราะมนุษย์กลัวการเปลี่ยนแปลง

โลกของเราดำเนินวิถีของมันมาหลายล้านปี ธรรมชาติของมันดำเนินไปอย่างปกติ
เวลายังเดินต่อไป สิ่งต่างๆเปลี่ยนไปตามเวลา...เป็นปกติ

"รัก" คำนี้ใครๆต่างรู้ดีว่ามันไม่มีอะไรตายตัวแน่นอนทั้งนิยามความหมาย วิธีหล่อเลี่ยงรักษา ระยะเวลาอายุ กฏเกณฑ์ วิธีกู้คืน...
แค่จะแบ่งว่ามันดีหรือไม่ดี ก็ยังมีเหตุผลเป็นหมื่นแสนที่หักล้างกัน จนสรุปไม่ได้ว่ารักดีหรือร้ายกันแน่

ที่จริง "รัก" ก็เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่ง
มันจะเปลี่ยนไปตามกฏธรรมชาติที่ไม่ตายตัว มันเกิดขึ้นได้ทุกที่ และหายไปได้ทุกเมื่อ

มนุษย์เราสร้างบรรทัดฐาน กำหนด"รัก"ที่ตายตัวขึ้นมา เพื่อความมั่นคง เพื่อความแน่นอน
นั่นเพราะมนุษย์กลัวการเปลี่ยนแปลง

การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องธรรมชาติที่แสนธรรมดา เหมือนกับเวลา ความตาย ความรักและความสูญเสียที่เกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้

มนุษย์พยายามจะฝืนธรรมชาติด้วยการทำทุกอย่างเพื่อความแน่นอนมั่นคง อยู่ยงคงกระพันดังที่ตั้งใจตั้มั่น
แต่สิ่งหนึ่งที่มนุษย์พ่ายแพ้คือเวลา...ไม่มีใครสามารถหยุดมันได้
เมื่อเวลาผันไป การเปลี่ยนแปลงก็เดินตาม
แน่นอน ความรักและการสูญเสียย่อมขยับด้วย
สิ่งเหล่านี้ทำให้มนุษย์ตระหนักว่าตนไม่สามารถหยุดมันได้

มนุษย์จึงหลอกตัวเอง ประกาศก้องว่าตัวเองนั้นมั่นคง เพื่อกลบปมที่หยุดการเปลี่ยนแปลงไว้ไม่ได้
ทั้งๆที่ตัวเองนั้นก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆตามกระแสเวลาที่ไม่เคยหยุด
  •  เฝ้าจับจ้อง  ว่าคนที่รู้จักเปลี่ยนไปจากเดิม ทั้งๆที่ตนเองก็ไม่ต่างกัน
  •  วิจารย์ถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย พยายามรั้งมันไว้ด้วยทุกอย่างที่จะสามารถทำได้
  •  ตั้งปฏิญาณตนว่าตั้งมั่นในความรู้สึก ทั้งๆที่มันเปลี่ยนไปทั้งทิศทางและปริมาณทุกๆวินาที

                         ...มนุษย์... มีอีกชื่อหนึ่งที่คุ้นหู คือ "คน"
               ความหมายของ "คน" ก็คือ (กริยา) - วนไปเรื่อยๆ ไม่หยุดนิ่ง
            ซึ่งมันก็ดำเนินไปเรื่อยๆซ้ำไปซ้ำมา ทว่าไม่ลงจุดเดิม ไม่สม่ำเสมอ
                         ขนาดตัวเราเองยังไม่สามารถหยุดนิ่งได้
           สังคมมนุษย์ที่เพิ่งจะมีมาได้ไม่กี่พันปียังเปลี่ยนไปหลายยุคหลายสมัย
          แล้วจะเอาอะไรกับธรรมชาติที่มันดำเนินของมันเรื่อยมาก่อนสิ่งอื่นใด

         ลอง "หยุด" แล้วมองดูรอบๆตัว
คุณจะมองเห็นกระแสที่ไหลผ่านตัวคุณไป คุณจะเห็นบางอย่างที่เคยพบเจอมาแล้ว ผ่านมาและผ่านไป แน่นอนมันไม่เหมือนเดิมด้วย
ยอมรับในสิ่งที่จะเกิดและมีความสุขกับความเปลี่ยนแปลง ความไม่แน่นอน ยินดีกับความรัก และเตรียมพร้อมกับความสูญเสีย
คุณจะพบสิ่งที่แน่นอน คือความสงบและความสุขกับการได้นั่งมองการเคลื่อนไหว

เพราะเรายังคงเป็นมนุษย์ และมนุษย์ยังคงมีความรู้สึก
เพราะความรู้สึกยังคงเปลี่ยนแปลงไปได้เรื่อยๆตามกาลเวลา
เพราะเวลาไม่เคยหยุดนิ่ง นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงเสมอ
เพราะการเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องปกติธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
เพราะธรรมชาติคือความธรรมดาที่ดำเนินอยู่บนกระแสเวลา

 เพราะมนุษย์เราก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติจึงมีความรู้สึกที่ไม่เสถียรเปลี่ยนแปรไปตามกาลวเวลา... แม้ว่าจะฝืนสักแค่ไหน

 สุดท้ายเราก็จะค้นพบได้ว่า

"เรา...ไม่เคยเสถียร - Unstable me"

25531007

A-mud-Roddee

   ได้มีโอกาสไปกินข้าวนอกมหา'ลัยทั้งที มัวแต่ตื่นเต้น สั่งนู่นนี่มากินจนลืมถ่ายรูปเลยเรา ถ้าขับรถตรงมาทางพระราม 9 ซอย 39 (ไม่ต้องขึ้นทางด่วนนะครับ) ก็จะเจอร้านนี้แหละ "อะหมัดรสดี"

เครดิตรูปหน้าร้าน จากบล็อกของพี่ Pix stories | Pix 'n Eat ครับ (ตัวเองลืมถ่ายมาอะ)


เวลาบ่ายกว่าๆ แดดเปรี้ยงๆเลย...เดินเข้ามาในร้านนึกว่าจะร้อน
ที่ไหนได้ลมพัดเย็นมาก ว่าแล้วก็จัดการสั่งอาหารมาละเลงด้วยความหิวครับ


ซุปไก่รสแซ่บ 35 บาท (ส่วนซุบเนื้อ 50 บาท-ไม่ได้สั่งมาลองครับ^^") 
ไก่ชิ้นใหญ่เลย แล้วน้ำซุปก็จะเผ็ดร้อนเหมือนต้มยำ(ออกหวานนิดๆคิดว่าน่าจะมาจากหอมหัวใหญ่)

 

จากหลักก็ต้อง ข้าวหมกไก่เลยครับ 35 บาท
ข้าวเป็นข้าวหอมมะลินุ่มๆหมกกับเครื่องเทศ สังเกตุดูว่าจะมี 2 สี ข้าวสีเข้มข้างล่างรสชาติจะ
เข้มข้นกว่าเพราะหนักเครื่องเทศมากกว่า ส่วนเนื้อไก่เขาหมักเครื่องเทศเข้าเนื้อไปแล้ว
เอามาโรยหน้าด้วยหอมแดงเจียว...กลิ่นหอมมาก

( มีข้าวหมกเนื้อจานละ 70 บาท และ หมกแพะจานละ 80 บาทด้วยครับ)



สลัดแขก(Indonesian Salad)
สลัดผัก มีมันเทศ ใส่เต้าหู้ ไข่ ราดด้วยน้ำคล้ายๆจิ้มสะเต๊ะ กินกันเพลินเลยล่ะ



เนื้อสะเต๊ะ  กินกับน้ำจิ้มและอาจาด 30 บาท(ไก่สะเต๊ะก็มีนะครับ)

นอกจากที่สั่งมากินแล้วยังมีเมนูอื่นๆอีกเยอะเลยที่น่ากิน อย่าง ก๋วยเตี๋ยวแกง(ก๋วยเตี๋ยวแขก) มีทั้งเนื้อและไก่ ก๋วยเตี๋ยวธรรมดา เย็นตาโฟ ซุปหางวัว



ปิดท้ายด้วยมะตะบะเนื้อ 30 บาท
แป้งโรตียัดใส้ด้วยเนื้อหรือไก่ที่ปรุงรสปั้นเป็นรูปสี่เหลี่ยมแล้วทอด

ในส่วนของ ของหวาน ก็มี โรตี(ที่ราดนมข้น+น้ำตาล) มะตะบะไส้หวาน สาคูข้าวเกรียบปากหม้อ
อยากจะสั่งเหมือนกันแต่คงจะไม่ไหวกันแล้วทั้งคนพามา ทั้งคนอยากมา 


 ร้านอะหมัดรสดีเปิดบริการทุกวัน : 09.00-16.00 น.
 แต่ที่เห็นบ่าย 3 ร้านก็จะปิดแล้วครับ ของหมดเร็วมาก จะถือเป็นการการันตีความอร่อยก็คงได้นะ
เบอร์โทรศัพท์ของร้านครับ 02-318-5972 หรือ 089-076-7610

คนเทน้ำตาล (minus)

คนเทน้ำตาล : บันทึกคนเทน้ำตาล














วันหนึ่ง...ขณะที่ผมสำรวจผืนฟ้าหลากสี
ผมได้เจอปลากลางอากาศอันบิดเบี้ยว
มันร้องขอให้ช่วยแกะห่อประหลาด
ผมช่วยเหลือตามที่อยากจทำ


...


มันกระวนกระวายจนน่าสงสาร ผมจึงให้น้ำตาลแก่มัน โดยไม่คิดอะไร
หวังเล็กๆในใจว่ามันคงสงบลง
 ...มันไม่กิน...


มันเฝ้ารอการแกะห่อนั้นอย่างใจจดจ่อ
ผมจึงพยายามที่จะแกะเพื่อให้ปลาตัวนั้นสบายใจ
สุดท้ายเมื่อเปิดออก...มันคือขนมที่มีพิษของน้ำตาลอันร้ายกาจ
รอยยิ้มที่ไม่เต็มใจผุดขึ้นบนหน้าผม
ของอันตรายนั้นเข้าสู่ตัวปลาอย่างรวดเร็ว...จนผมตกใจ
พิษของน้ำตาลแล่นทั่วร่าง มันกำลังจะขาดใจ
ผมจึงเอาน้ำตาลของตนใส่ปากไป
กระทั่งทุเลาลง





















['E'N'D']

25530917

คนเทน้ำตาล 3

คนเทน้ำตาล : ผลร้ายของความหวังดี



Smiley  วันคืนผ่านไป เท่าไรไม่รู้ Smiley

คนเทน้ำตาลแปลกหน้ายังคงแวะเวียนมาเทน้ำตาลใส่ขนมให้ปลาน้อยทุกวี่วัน

จนกลายเป็นคนเทน้ำตาลที่ไม่แปลกหน้า

รสจากจะหวานชื่นรื่นใจแล้วยังบรรเทาพิษของสิ่ง ที่ "ใครสักคนหนึ่ง" ให้มาด้วย

ปลาน้อยรุ้สึกดี ยินดีปรีดา

อยากจะกินน้ำตาลอีก

ปลาน้อยหลงในรสของความหวานที่เย็นชื่น ไม่เหมือนน้ำตาลอื่นทั่วไป

[...อร่อย...]

ปลาน้อยร้องขอน้ำตาลในปริมาณที่มากกว่าเดิม (แม้เพียงนิด)

ชายแปลกหน้ายิ้มร่าและเพิ่มให้โดยไม่ลังเล

ปลาน้อยยิ้มตามคนเทน้ำตาล

...

เวลาผันไปอีกเพียงไม่นาน คนเทน้ำตาลหายไป

ปลาน้อยฉงนใจ เหตุใดจึงไม่มา

ปลาน้อยสันนิฐานว่าอาจจะมาช้า จึงลองรอดู

และเพียงไม่นาน คนเทน้ำตาลก็มา เพียงแต่มาช้าให้ปลาน้อยตกใจ

เขาเทน้ำตาลให้ปลามากขึ้น...เพื่อขอโทษ

ปลาน้อยดีใจ กินขนมหมดจาน

ทว่า...

หลังจากวันนั้น คนเทน้ำตาลก็หามาปลาน้อย

...น้อยลง



นานๆครั้งจึงโผล่มา

...ปลาน้อยหงุดหงิด...

แต่พยายามไม่แสดงออก



กระทั่ง

จู่ๆ คนเทน้ำตาลก็หายไป

...

หายไปจริง ๆ  Smiley


Smiley ปลาน้อยเฝ้ารอ

รอ

รอ

และรอ

เขาหายไปจริงๆ หายไปเหมือนกับ "ใครสักคนหนึ่ง"


ปลาน้อยกลัว

หยดน้ำจากตาไหลขึ้นสู่ท้องฟ้าเบื้องบน


...ทำไมต้องเป็นเขาด้วย...

ทำไมต้องคนเทน้ำตาล


ความทรมานแบบเดิมกลับมา

มันช่างหน้าเบื่อหน่าย

ความรู้สึกเหล่านั้นทำอะไรปลาน้อยไม่ได้ ...เมื่อเวลาผ่านไป

ปลาน้อยปิดกั้นหัวใจ

จะไม่ติดน้ำตาลจากใครอีก...เพียงรู้ว่าหวานก็พอแล้ว

พอแล้ว

พอกันที

...พอเถอะกับสิ่งไม่ยั่งยืนเหล่านี้...

เบื่อเต็มทีกับน้ำตา

...

ไม่นานนักคนเทน้ำตาลคงจะกลับมา

พร้อมรอยยิ้มเริงร่า

และน้ำตาลที่แสนอันตราย




Smiley เป็นจริงดังคาด

คนเทน้ำตาลกลับมา

และรอยยิ้มเริงร่า...ปลาน้อยก็เดาถูกเช่นกัน

อีกสิ่งหนึ่งนั้นยังถูกเทลงจานขนมเหมือนเดิม

ปลาน้อยกิน...แล้วพ่น ระคนสำลัก

แล้วจิบชิมใหม่

มันก็แค่หวานชื่นใจ

ก็เท่านั้น

ปลาน้อยไม่ยินดียินร้าย

ซ้ำยังกัดคนเทฯ

ฝ่ายคนที่ถูกกัดตกใจ สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น

ปลาน้อยอารมณ์ฉุนเฉียว กราดเกี้ยวทันที

...คนเทน้ำตาลตัวดี ได้แต่ฉงนใจ...

รอยยิ้มที่เสแสร้งจากหายไปกลายเป็นหน้าหม่น

ถามปลาน้อยว่าเกิดอะไรขึ้น

....

....


ปลาน้อยจึงบอกกับคนเทน้ำตาล

"อย่าได้เทน้ำตาลให้ใครต่อใครนัก

สิ่งที่ทำลงไปมันทำให้ใครต่อใครเข้าใจผิด"

หากไม่มั่นคงที่จะรักษาความรู้สึกไว้ได้...ก็อย่าทำให้เกิดความรุ้สึกนั้น


คนเทน้ำตาลตะแคงคอประหลาดใจ

 ปลาน้อยว่าต่อไป

"ความหวานของน้ำตาลที่เทให้ มันเป็นสิ่งใครๆต่างชอบ

แต่หากไม่สามารถให้แก่เขาได้...จงบอกเขาคนนั้น...อย่าหายไปอย่างไร้วี่แวว"

เพราะปลาน้อยได้รับรู้

ว่าการขาดน้ำตาลนั้น ทรมานเพียงไหน

พิษของมันรุนแรงแทบขาดใจ จนใครๆต่างขยาดหวาดกลัว

แต่กระนั้น...น้ำตาลก็ยังเป็นสิ่งที่ใครต่อใครปราถนา

...

คุณมีน้ำตาลมากมายพอแจกจ่ายทุกคนก็จริง

คุณมีน้ำตาลรสเลิศจนอยากให้ใครต่อใครได้ลิ้มก็จริง

แต่อย่าได้เที่ยวแจกใครต่อใครนัก

หากคุณไม่มั่นคงพอที่อยู่เทให้เขาไปตลอด

เพราะมันจะทำร้ายผู้นั้นทันที เมื่อคุณจากไป

จงเข้มแข็งต่อความรู้สึกที่เกิด และ จงสงสารความรู้สึกที่จะเกิด

น้ำตาลของคุณนั้นมีค่า โปรดรักษามันไว้ให้ผู้ใดก็ตาม

ที่คุณจะเพียรพยายามให้เขาจนวันตาย"



สิ้นคำ

...ปลาน้อยว่ายผ่านอากาศจากไป...

ทิ้งไว้เพียง คนเทน้ำตาล ให้ลอยคว้างลำพัง



ปลาน้อยใช้ชีวิตต่อไปอย่างปกติวิถี 

เก็บเรื่องราวความทรงจำดีๆที่พบเจอมา

ชิมขนมจากเพื่อนสนิทและคนแปลกหน้า แต่ไม่มีทีท่าว่าจะติดใจ

แม้ขนมเหล่านั้นจะอร่อยหรือไม่ เพียงใด

ปลาน้อยยิ้มให้กับรสชาติที่แสนเลิศเลอแต่ไม่ยั่งยืน

รสชาติเหล่านั้นคงจางหายไปเมื่อกินกลืน

ปลาน้อยไม่ต้องฝืนทนในการรอคอยขนมคำต่อไป จากใคร

เพียงรับรู้ว่าใครที่มีน้ำใจ แบ่งขนมให้...ก็เพียงพอ

พอที่จะทำให้มีความสุขได้กับชีวิตธรรมดาๆ


ทุกรสชาติในโลกล้วนไม่จีรังเหมือนดั่งความทุกข์และความสุข

หากเราไม่ยึดติดกับมันมากเกินไปมันก็ไม่ทำร้ายเรา

ซ้ำแล้วยังเป็นบทเรียนให้เราก้าวต่อไปอย่างเข้มแข็งและมีสติ

ทั้ง ดี และ ไม่มี ย่อมมีคุณค่าเมื่อเราเปิดใจรับมัน


Smiley [- ป.ปลาในอากาศ -] Smiley

['E'N'D']

25530915

คนเทน้ำตาล...2

คนเทน้ำตาล : * คนเทน้ำตาลแปลกหน้า
ชีวิตของปลาน้อยเป็นไปตามปกติวิถี

แต่แล้ว..."ใครสักคนหนึ่ง" ก็กลับมา...

เขากลับมาพร้อมยื่นขนมชิ้นเดิม หน้าตาแบบเดิมให้ปลาน้อย

ด้วยรสชาติอันชวนถวิลหา

ปลาน้อยจึงกินมันอย่างไม่ลังเล

รสชาติของมันสุขสันต์เกินบรรยาย

ความหวานแผ่ซ่านไปทั่วปาก ปลาน้อยหลับตาแน่น

...อร่อยมากทีเดียว...

ปลาน้อยดีใจที่ "ใครสักคนหนึ่ง" กลับมา

คิดถึงเหลือเกิน...ทั้งผู้ให้ขนมและขนมของเขา


สักครู่หนึ่ง

...Smiley...

"ใครสักคนหนึ่ง" ยื่นบางอย่างให้ปลาน้อย

หน้าตามันช่างน่ากินไม่ต่างจากขนมที่ปลาน้อยกินลงไป

แต่มันถูกห่อหุ้มไว้ด้วยอะไรบางอย่าง

...ปลาน้อยรับไว้...

โดยที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร


.....!!!!!.....


ทันทีที่สิ่งนั้นหลุดจากมือเขาสู่ครีบของปลาน้อย

"ใครสักคนหนึ่ง" ก็อันตรธานหายไป

ปลาน้อยตกใจ

...!!!...

มันทำอะไรไม่ถูก

มันพยายามเปิดสิ่งที่ได้มาเพื่อดูข้างใน

(รึบางครั้ง...มันก็พยายามเปิดเพียงเพื่อจะลิ้มรสชาติของขนม)

แต่อย่างไรก็เปิดไม่ออก

มันห่ออย่างหลวมๆ ทว่ามันเปิดไม่ออก

อย่างไรก็ไม่ออก

ยังไงก็ไม่ออก

ทำไมไม่ออก ?



ปลาน้อย ร้องขอความช่วยเหลือ

ไม่มีใครสักคนที่ว่างจะช่วยปลาน้อย

ไม่มีสักชีวิตที่สังเกตุเห็นหรือรับรู้ว่ามีปลาตัวหนึ่งกำลังขอความช่วยเเหลืออยู่

...

ชายคนหนึ่งเดินผ่านมา รูปลักษณ์เขาช่างน่าพิศวง

นัยน์ตาของเขาเปลี่ยนสีแวววับสลับไปมา

บ้างดำ บ้างแดง

 ฟ้าบ้าง เขียวบ้าง

 ม่วงด้วย ส้มด้วย เหลืองด้วย

ชายคนนั้นส่งยิ้มให้ปลาน้อยพร้อมกับนั่งลงถาม

"เจ้าต้องการให้ข้าช่วยสิ่งใดหรือปลาน้อย"

ปลาน้อยจึงส่งห่อที่ตนโอบอุ้มไว้ให้...ทั้งๆที่ลังเลเล็กน้อย...

ชายหนุ่มยิ้มร่ารับห่อนั้นมาแล้วนั่งลงกลางอากาศ ห้อยหัวลงสู่พื้น

เขารื้ออะไรต่อมิอะไรออกมามากมาย

อุปกรณ์นับร้อยพวยพุ่งออกมาจากแขนเสื้อและลอยคว้างรอบตัวชายคนนั้น

ปลาน้อยว่ายไปมากลางอากาศด้วยความกังวล

...เป็นอย่างไรบ้าง...Smiley

...ท่านแกะมันได้ไหม...Smiley

มันคือสิ่งใด Smiley

มันร้ายแรงไหม...หรือดีอย่างไร Smiley

ปลาน้อยร้อนใจในสิ่งที่"ใครสักคนหนึ่ง"ทิ้งไว้ให้


ชายแปลกหน้าเห็นท่าทีของปลาน้อยก็หัวเราะร่า

ตลกในท่าทีร้อนใจของปลาน้อย

ชายแปลกหน้าจึงยื่นขนมของตนให้ปลาน้อยกินไปก่อน...

"ใจเย็นๆ..."

ปลาน้อยรับขนมชายแปลกหน้ามา

แต่ยังไม่กิน...มันถือไว้...วางไว้

รออยู่นาน...

Smiley......Smiley......Smiley......Smiley

...ชายแปลกหน้าบรรจงแกะห่อนั้นอย่างระวัง...

.....

.....

จนในที่สุดก็แกะสำเร็จ Smiley

สีหน้าของชายแปลกหน้าเปลี่ยนไป...เขายิ้มเฝื่อนๆ

และยื่นห่อนั้นที่แกะออกมาได้แล้วในปลาน้อย

ปลาน้อยยื่นหน้าไปดู...

มันคือขนม

ขนมที่หน้าตาคล้ายกับขนมที่ปลาน้อยกินลงไป

แต่ทันทีที่ปลาน้อยเห็นมัน ขนมในห่อนั้นก็หายวับไป

ความหวานเกิดขึ้นเองในปากของปลาน้อย

มันหวานมาก

...มากเสียจนปลาน้อยรู้สึกเจ็บปวด บนความหวานนั้น...

[ ความหวานที่แสนทรมาน ]

มันกำลังทำร้ายปลาน้อย

...

...เจ็บ...

...ปวด...

....ทรมาน....

...ใครก็ได้ช่วยที...

ชายแปลกหน้าที่ห้อยหัวอยู่หยิบขนมของตนใส่ปากปลาน้อย

••...ความเจ็บปวดทุเลาลง...••

ปลาน้อยได้สติกลับมาดังเดิม

ขนมในห่อนั้นช่างเลวร้าย

ปลาน้อยเสียใจ

••••

ชายแปลกหน้าเทอะไรบางอย่างลงขนมและให้ปลาน้อยกิน

สิ่งๆนั้นคล้าย ทรายสีขาว

ชายแปลกหน้าเก็บทรายสีขาวนั้นเข้าไปในชุดตนเองและส่งจานขนมของเขาให้ปลาน้อย

ปลาน้อยลองชิมเพื่อไม่ให้เสียมารยาท

รสชาติมันทำให้ปลาน้อยแทบสิ้นสติ

รสชาติมันหวานจับใจ และเย็นนิดๆ

ความหวานที่ต่างออกไปจากขนมของ "ใครสักคนหนึ่ง"

ปลาน้อยชอบขนมเหล่านี้

ชายแปลกหน้าก็ยินดีที่จะให้มันกินจนหมด

เมื่อปลาน้อยถามชายแปลกหน้าดู

จึงได้รู้ว่าสิ่งที่ใส่ลงไปนั้นคือ

...[น้ำตาล]...

สิ่งนั้นเองที่ทำให้ขนมมีรสชาติน่าใฝ่หา

หลังจากนั้น...ทุกวันปลาน้อยจะได้พบชายแปลกหน้าที่เปลี่ยนสีไปมา

และนำขนมรสหวานมาให้

ทุกครั้ง...เขาจะเทน้ำตาลใส่ขนมก่อนยื่นให้ปลาน้อย

ปลาน้อยจึงเรียกชายผู้นั้นว่า

"คนเทน้ำตาล"

[ Smiley To be continue ]